จะทำใจอย่างไรดี

 
Vivatpong
วันที่  28 มี.ค. 2550
หมายเลข  3207
อ่าน  1,104

พอมีเรื่องทุกข์ร้อนใจ หรือเรื่องเดือดร้อนต่างๆ คนก็บอกให้ทำใจ คงจะพูดง่าย แต่จะทำใจได้อย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
yupa
วันที่ 28 มี.ค. 2550

คุณเริ่มฟังและศึกษาพระธรรม แล้วยัง ถ้าเริ่มแล้วความเข้าใจก็คงมีอยู่บ้าง
แต่ถ้ายัง ก็ขอให้ศึกษาก่อน และคำตอบก็อยู่ที่คุณ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 28 มี.ค. 2550

จะทำใจได้อย่างไร ... คำว่าใจหรือจิต (เป็นนามธรรมที่เป็นสภาพรู้) เกิดแต่เหตุปัจจัยไม่สามารถบังคับบัญชาได้ ฉะนั้น คำว่า ทำใจ ทำไม่ได้คะ ท่านอาจารย์สุจินต์เคยตอบคนที่อยากพ้นทุกข์ (หน้า 516 เรื่องปรมัตถธรรมสังเขปฯ โดยท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ ขอหนังสือฟรีที่มูลนิธิตามชื่อข้างบน) ว่า "ที่ว่าทุกข์นี้มันช่างมากมายนั้น ก็เพราะมีความเห็นผิด ยึดถือว่าเป็นตัวตน ถ้าไม่มีความเห็นผิดยึดถือว่าเป็นตัวตนแล้วก็จะละคลายทุกข์ลงไปมากที่เดียว ความทุกข์ทั้งหลายจะละคลายเบาบางลงได้เมื่อกิเลสดับไปตามลำดับ" ส่วนการละความเป็นตัวตนลองอ่านในหนังสือนะคะ หรือไม่ก็ไปฟังธรรมที่มูลนิธิ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 28 มี.ค. 2550

ความทุกข์ของคนมีสารพัดอย่าง แต่คงหนึไม่พ้นเรื่องของโลกธรรม ๘ คือ สุข ทุกข์ สรรเสริญ นินทา ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ ถ้ามีความทุกข์ทำใจไม่ได้ ก็ให้คิดถึงเรื่องของกรรมว่า เราทำเหตุมาถึงต้องเห็น ต้องได้ยิน ฯลฯ หนีไม่พ้น นอกจากอบรมปัญญาเพื่อรู้สัจธรรมความจริง พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chackapong
วันที่ 28 มี.ค. 2550

คำว่าทำใจ เป็นศัพท์ที่เราพูดกันในชีวิตประจำวัน ไม่ได้เป็นศัพท์ธรรมะ เหมือนเช่นคำว่าประมาณนั้นที่วัยรุ่นใช้โดยทั่วไป หมายความว่า เป็นอย่างนั้นไม่ได้ มีความหมายว่า โดยประมาณ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องเข้าใจสภาพสังคมด้วย คำว่า ทำใจถ้าจะแปลให้เป็นภาษาธรรม ผมว่าน่าจะแปลว่า อุเบกขา สิ่งหนึ่งที่จำเป็น ในการศึกษาธรรม น่าจะเป็นการนำคำศัพท์ในโลกปัจจุบันแปลให้ตรงกับภาษาธรรมให้ถูกต้องก่อน เยาวชนรุ่นใหม่ ไม่เคยได้ฟังธรรม ก็ไม่สามารถใช้ภาษาให้ตรงหรือถูกต้องได้ ท่านผู้รู้กรุณาแก้ไขให้ด้วยครับ เพราะผู้พูดไม่สามารถพูดได้ตรงและถูกต้องได้เสมอไป แต่จำต้องพิจารณาเจตนาที่จะสื่อสาร เหมือนประโยคที่ว่า อย่าหมายเอานิ้วที่ชี้ไปยังดวงจันทร์เป็นดวงจันทร์เสียเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 28 มี.ค. 2550

สภาพธัมมะทุกอย่างเกิดจากเหตุปัจจัย แม้ความเดือดร้อนก็เกิดจากเหตุปัจจัย ตราบใดที่มีกิเลสอยู่ก็ต้องเดือดร้อน เมื่อยังไม่มีปัญญาจะบังคับให้ทำใจไม่ได้ เมื่อมีปัญญาจะบังคับไม่ให้ไม่เดือดร้อนก็ไม่ได้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
yupa
วันที่ 29 มี.ค. 2550

ขอแสดงความคิดสักนิด ได้ฟังพระธรรม มาพอสมควร ๕ ปีแล้ว ก็ยังรู้ว่า ความเข้าใจนั้นยังมีน้อยมาก ได้อ่านกระทู้เจอทุกวันคือ คำว่า ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน ซึ่งนี่คือ สัจจธรรม เป็นอนัตตา แต่สำหรับคนที่เพิ่งศึกษาอย่างเราๆ คิดว่า ยังห่างไกลมากๆ ๆ ที่จะเข้าใจ มีแต่ความสงสัยเป็นที่ตั้ง ทำไมไม่ถามล่ะว่า วันนี้ดีขึ้นกว่าวันก่อนหรือไม่ คนที่เคยอยู่ห่างๆ เรา กล้าเข้าใกล้ มีเมตตา มากขึ้น โกรธ น้อยลง ทำกุศลให้ทาน อยู่เป็นนิจ เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องมากขึ้น และละความเห็นผิดลงได้ นี่คือ ประโยชน์จากการศึกษาพระธรรม เรายังต้องทำมาหากินเลี้ยงชีพ ด้วยกัน ดูเหมือนเราละขั้นตอนในการศึกษาพระธรรม พื้นฐานเรายังไม่รู้ แต่จะไปรู้ขั้นสูง หรือเปล่า ดิฉันเชื่อเสมอว่าพระธรรม แก้ปัญหาทุกด้านของชีวิตได้

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 29 มี.ค. 2550

ประโยชน์ของการศึกษาพระธรรมมีหลายระดับ ซึ่งภาษาธัมมะใช้คำว่า ปฏิบัติ ธรรมสมควรแก่ธรรม ทาน ศีล เมตตา แม้ศาสนาอื่นก็มี และเขาเหล่านั้น แม้ไม่ได้ศึกษาพระพุทธศาสนา อาจมีนิสัยที่ดีกว่าคนที่ศึกษาเสียอีก แต่พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา ไม่ใช่แค่ ขั้น ทาน ศีล เมตตา ปัญญาอะไร ปัญญารู้ว่าไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน ตราบใดที่ยังไม่รู้สิ่งนี้ ถึงแม้จะมีเมตตามากมาย ให้ทานมากมาย ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ เมื่อยังดับกิเลสไม่ได้ คนที่มีเมตตาจะเมตตาได้ตลอดไหมครับหรือจะไม่โกรธเลย ถ้ามีงูจะมากัดเรา มีมีดอยู่ใกล้มือ ทำไงดี ถ้ายังมีกิเลส ดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงสอนหนทางที่สามารถดับกิเลสได้คือ สติปัฏฐาน แม้คนนั้น (ที่เจริญสติปัฏฐาน) จะมีกิเลสมากเพียงใด แต่ก็รู้ความเป็นจริงว่าเป็นธัมมะ แรกๆ เพิ่งฟังไม่มีทางรู้หรอกครับ แต่อาศัยฟังจนเข้าใจเรื่อยๆ นั่นแหละ ดังนั้น หนทางเดียวคือสติปัฏฐาน จึงสามารถดับกิเลสได้ ขอยกตัวอย่าง ที่บางบุคคลยังเป็นคนไม่ดีแต่ตอนหลังเป็นพระโสดาบันได้ จนคนอื่นว่าถ้าคนนี้เป็นพระโสดาบันได้คนอื่นก็เป็นทั้งนั้นครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ... ภายหลังเป็นพระโสดาบัน [ปฐมสรกานิสูตร]

ดีเท่าไหร่ก็ไม่พอ ตราบใดที่ยังยึดถือว่าเป็นเรา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 30 มี.ค. 2550

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
unknown
วันที่ 31 มี.ค. 2550

ทำไม่ได้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
แวะเข้ามา
วันที่ 31 มี.ค. 2550

โลกนี้ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) มีอะไรที่เที่ยง สิ่งใดที่ไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุข จะคาดหวังอะไร กับสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่อยู่ในอำนาจของผู้ใดคงไม่ต้องทำใจหรอกจ้ะ ให้เข้าใจก็พอ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ปังคุง
วันที่ 1 เม.ย. 2550

ทำใจไม่ได้หรอกครับ แต่เข้าใจได้ เพราะถ้าทำได้ทุกคนก็คงจะมีแต่คนใจดีๆ ทั้งนั้นเลย ไม่เห็นมีใครชอบความไม่สบายใจแลย แต่ก็ไม่สบายใจอยู่นั่นแหละครับสภาพที่เกิดขึ้นจริงทุกอย่างมีเหตุผลที่มาที่ไปนะครับ ถ้าเข้าใจเหตุผลก็เดือดร้อนน้อยลงตามระดับขั้นของความเข้าใจ พระอรหันต์ ท่านเข้าใจถึงที่สุด ท่านก็ไม่เดือดร้อนใจอีกเลย ส่วนพวกเราก็ค่อยๆ ศึกษาให้เข้าใจมากขึ้น สักวันหนึ่งซึ่งคงอีกไม่เร็วนะครับ ก็คงจะเข้าใจได้เหมือนกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 2 ก.ย. 2550

ทำใจ และธรรมรักษาใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
wannee.s
วันที่ 4 ก.ย. 2550

ผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข ทั้งโลกนี้และโลกหน้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 4 ส.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ