ความไม่ประมาท คือไม่ปราศจากสติ
* ความไม่ประมาท คือไม่ปราศจากสติ
* สติ คือสิ่งที่เกิดกับจิต เป็นสภาพที่ระลึกได้ในทางที่ดีงาม และปรุงแต่งจิตให้ดีงาม ประกอบด้วยความระลึกได้
* สติต้องเป็นธรรมฝ่ายดีเท่านั้น แต่ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็จะเข้าใจผิดว่า การไม่ลืมสิ่งของ หรือการกระทำใดๆ เช่น ไม่ลืมปิดไฟฟ้าก่อนออกจากบ้าน ก็คิดว่ามีสติแล้ว แต่ความจริงเป็นเพียงความจำความคิด ที่ไม่มีสติเกิดเลยก็ได้ เพราะไม่ได้เป็นกุศล ที่เป็นทาน ศีล หรือการอบรมเจริญปัญญา อะไรเลย
* กุศลทุกประการ ต้องมีสติเกิดร่วมด้วยเสมอ เพราะจะไม่มีกุศลใดเลย ที่เป็นไปในทางไม่ดี ดังนั้นกุศลทั้งหลาย จึงรวมลงในความไม่ประมาท คือไม่ปราศจากสติ
* เมื่อใกล้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า "สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด. นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต" ซึ่งมีความละเอียดลึกซึ้ง ถึงที่สุด เพื่อการอบรมเจริญกุศลทุกประการ และรู้สภาพธรรมที่ปรากฏ เกิดดับขณะนี้ (สังขาร) จนกว่าจะถึงพร้อม คือการดับกิเลสได้หมดสิ้น
* แม้จะยังมีกิเลส และต้องเกิดอยู่ กุศลทั้งหลายที่รวมลงในความไม่ประมาท ก็ยังเป็นที่พึ่งอาศัย ให้ได้รับผลที่ดี และได้เจริญกุศลต่อไป จนสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับ ดังนั้น ความไม่ประมาท จึงเป็นยอดแห่งธรรมเหล่านั้น (คือกุศลธรรม)
(ประมวลจาก อรรถกถาปุณณกมาณวกปัญหานิทเทสที่๓. ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส และอรรถกถา มหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค)
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม