[คำที่ ๙๒] ปญฺญาชีวี

 
Sudhipong.U
วันที่  30 พ.ค. 2556
หมายเลข  32212
อ่าน  526

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์  ปญฺญาชีวี

คำว่า ปญฺญาชีวี  เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง มาจากคำว่า ปญฺญา (ความเข้าใจถูกเห็นถูก) กับคำว่า  ชีวี (ผู้มีชีวิตอยู่)  แปลรวมกันได้ว่า ผู้มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา, จะเห็นได้ว่า บุคคลผู้มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญานั้น เป็นการมีชีวิตอยู่อย่างประเสริฐ เพราะเห็นประโยชน์ของการได้สะสมกุศลและการอบรมเจริญปัญญา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด เพศใด ก็ตาม ตามข้อความจาก สารัตถปกาสินี อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค วิตตสูตร ว่า

บทว่า  ปญฺาชีวี  ชีวิตมาหุ เสฏฺฐํ [คนที่เป็นอยู่ด้วยปัญญา นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า มีชีวิตประเสริฐ] ความว่า บุคคลใด เป็นอยู่ด้วยปัญญา เป็นคฤหัสถ์ ย่อมดำรงอยู่ในศีล ๕ เริ่มตั้งสลากภัตร (ภัตรที่ถวายตามสลาก) เป็นต้น จึงชื่อว่า เป็นอยู่ด้วยปัญญา หรือว่าเป็นบรรพชิต เมื่อปัจจัยเกิดขึ้นแล้วโดยธรรม ก็ย่อมพิจารณาสิ่งที่มีอยู่นี้แล้วจึงบริโภค ถือเอากรรมฐาน เริ่มตั้งวิปัสสนา ชื่อว่าเป็นอยู่ด้วยปัญญา เพราะสามารถบรรลุอริยผลได้ ด้วยเหตุนั้น นักปราชญ์ทั้งหลาย จึงกล่าวว่า บุคคลผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญานั้น มีชีวิตเป็นอยู่อันประเสริฐ ดังนี้แล.


ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส กิเลสยังดับไม่ได้ กิเลสยังไม่หมดไปทั้งโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น แม้จะได้ฟังพระธรรมมาบ้างและมีความเข้าใจด้วยว่า ทุกอย่างเป็นธรรม โลภะ โทสะ โมหะ เป็นอกุศลธรรม ทั้งหมดก็เป็นธรรม และสามารถบอกได้ว่า อกุศลธรรม เป็นธรรมฝ่ายไม่ดี เป็นธรรมฝ่ายดำ ควรละ แต่ก็ยังละไม่ได้    นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ถ้ายังไม่เข้าใจว่าธรรมเป็นอนัตตาจริงๆ ก็ไม่มีทางที่จะละโลภะ โทสะ โมหะ และอกุศลธรรมใดๆ ได้เลย ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ต้องเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ความเข้าใจถูก เห็นถูก คือ ปัญญา สามารถทำให้อกุศลธรรมที่เคยมี ค่อยๆ ลดน้อยลงไปได้ และสามารถดับได้ในที่สุด ซึ่งจะเห็นได้ว่า พระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีต ก่อนที่ท่านจะได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ นั้น กิเลสอกุศลธรรมที่ท่านได้สะสมมา ก็เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย แต่เพราะความสมบูรณ์พร้อมของปัญญา อันเกิดจากการอบรม ก็สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับ และกิเลสที่ดับได้แล้ว ก็ไม่เกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์นี้คือ ผลของการอบรมเจริญปัญญา

ในชีวิตประจำวัน ประโยชน์ของการมีชีวิต คือ เพื่ออบรมเจริญปัญญา จากที่ไม่เคยเข้าใจความจริง จากที่เต็มไปด้วยความมืดคือ อวิชชา ก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง ยิ่งขึ้น เมื่อมีปัญญาเจริญขึ้น ก็จะทำให้เป็นผู้มีชีวิตที่ดำเนินไปด้วยปัญญาตามที่ตนมี เปลี่ยนจากที่เคยอยู่ด้วยกุศลประการต่างๆ มากมาย มีโลภะ  โทสะ  โมหะ เป็นต้น เป็นผู้อยู่ด้วยกุศลที่เพิ่มขึ้น ปัญญา ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เข้าใจถูก เห็นถูก นี้เอง จึงเป็นเครื่องนำทางชีวิตที่ดีเป็นอย่างยิ่ง

บุคคลผู้มีปัญญา ย่อมรู้ว่า อะไรควร อะไรไม่ควร อะไรถูก อะไรผิด แล้วน้อมประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องยิ่งขึ้น ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ จึงเป็นเสมือนมีเครื่องปกครอง หรือเครื่องนำทางชีวิตที่ดี ว่า สิ่งนี้ท่านควรทำ สิ่งนี้ท่านไม่ควรทำ สิ่งนี้ควรอบรมให้เจริญมากขึ้น เป็นต้น เพราะปัญญาที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นนั่นเอง ดังนั้น สิ่งที่ประเสริฐสำหรับชีวิตของทุกคนก็คือ ปัญญา แล้วปัญญาจะมาจากไหน ปัญญาไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ต้องอาศัยเหตุ คือ การฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง  จากกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา โดยไม่ขาดการฟัง ไม่ขาดการพิจารณาไตร่ตรองพระธรรม  ไม่ประมาทในพระธรรมแต่ละคำที่ได้ยินได้ฟัง เพราะพระธรรม เป็นสิ่งที่ล้ำค่า  เป็นสิ่งที่ประเสริฐ  ทำให้ผู้ศึกษาได้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ตามความเป็นจริง.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ