[คำที่ ๙๕] ยุตฺติ‏

 
Sudhipong.U
วันที่  20 มิ.ย. 2556
หมายเลข  32215
อ่าน  387

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ ยุตฺติ

 

คำว่า ยุตฺติ เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง อ่านว่า ยุด - ติ แปลว่า ความควร, ความถูกต้อง, สิ่งที่ควร, สิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า ความควร ความถูกต้องนั้น ต้องเป็นความดี เป็นธรรมฝ่ายดี เพราะถ้าเป็นความชั่ว หรือเป็นอกุศล แล้ว จะไม่ใช่สิ่งที่ควรเลย โดยประการทั้งปวง และที่จะรู้ได้ว่า สิ่งใด ควร สิ่งใด ไม่ควร นั้น ก็ต้องได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะปัญญาเท่านั้น ถึงจะรู้ถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงได้  ดังข้อความบางตอนจาก สารัตถปกาสินี อรรถกถา สังยุตตนิกาย นิทานวรรค อเจลกัสสปสูตร ว่า

น่าอัศจรรย์ พระพุทธศาสนาที่บุคคลเลือกสรรแล้ว ทำให้ถือเอาสิ่งที่ควรเท่านั้น ละทิ้งสิ่งที่ไม่ควร


บุคคลผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นวาจาสัจจะ แสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง แล้ว มีความเข้าใจไปตามลำดับ ก็จะเห็นพระคุณของพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ว่า ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงสภาพธรรมพร้อมด้วยเหตุและผลอย่างละเอียดแล้ว สัตว์โลกทั้งหลายย่อมไม่สามารถพ้นไปจากความเห็นผิด และความไม่รู้ในลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ได้  โดยเฉพาะเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว และต่อไปถึงอนาคตกาลในภายหน้าอีก  ถ้าท่านผู้ใดไม่ศึกษาพระธรรม ไม่ฟังพระธรรม แต่คิดเอาเองว่าเข้าใจธรรมแล้ว ก็ย่อมจะเป็นผู้ที่ประมาทอย่างแท้จริง เพราะย่อมมีความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนได้ แต่ว่าถ้าศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมอยู่เสมอ บ่อยๆ เนืองๆ ก็ย่อมมี ความเข้าใจในสภาพธรรมที่ปรากฏเพิ่มขึ้น มั่นคงในความเป็นจริงยิ่งขึ้น และพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังนี้ ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจของผู้ที่ได้รับฟังได้ ซึ่งแต่ละบุคคลก็จะพิสูจน์ได้กับตัวเองว่า เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว อย่างน้อยที่สุด ก็เปลี่ยนจากความไม่รู้อะไรเลย เป็นรู้ขึ้น และถ้าได้ศึกษาพระธรรมต่อไป สะสมความเข้าใจยิ่งขึ้น กุศลประการอื่นก็จะเพิ่มพูนขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน แล้วจะเปรียบเทียบได้จริงๆ ว่า พระธรรมเปลี่ยนจากกุศลซึ่งเคยมีมาก ให้ลดน้อยลง แล้วก็เพิ่มพูนทางฝ่ายกุศลขึ้น เป็นการถือเอาสิ่งที่ควร แล้วละทิ้งสิ่งที่ไม่ควร ได้ 

ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องของสภาพธรรมต่างๆ ตามความเป็นจริง ย่อมเป็นกุศล เช่นรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว รู้ว่าโลภะ โทสะ โมหะ เป็นสิ่งไม่ดี และรู้ว่าความไม่โลภ ความไม่โกรธ ความไม่หลง ความไม่เบียดเบียนให้ผู้อื่นเป็นทุกข์เดือดร้อน ความซื่อสัตย์ สุจริต ความเป็นผู้ตรง ความกตัญญูกตเวทีต่อบุคคลผู้มีพระคุณ เป็นต้นเหล่านี้เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม ความรู้ความเข้าใจอย่างนี้ เป็นกุศล เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องในสภาพธรรมว่าสภาพธรรมใดดี สภาพธรรมใดชั่ว และเป็นความจริงที่ว่าคนที่รู้ว่าอะไรเป็นกุศล กุศลก็ย่อมมีโอกาสเกิดได้มากกว่าคนที่ไม่รู้ และคนที่รู้อย่างนี้ก็จะไม่คอยเวลาที่จะเจริญกุศลด้วย เนื่องจากสามารถจะเจริญกุศลได้ทุกเวลาทุกโอกาส

เพราะฉะนั้น เมื่อได้ฟังพระธรรมให้แล้วแล้ว ย่อมรู้ว่า อะไรดีอะไรชั่ว และเมื่อรู้แน่ชัดแล้วก็ควรที่จะได้อบรมเจริญความดีซึ่งเป็นธรรมฝ่ายกุศลให้มากขึ้นในชีวิตประจำวัน ให้มีกำลังขัดเกลากิเลสกุศลให้เบาบางลงได้ มิฉะนั้นแล้วจะเป็นโอกาสให้กุศลเกิดขึ้นแทนกุศลก็ได้ ซึ่งจะเป็นผู้ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ