[คำที่ ๑oo] ธาตุ

 
Sudhipong.U
วันที่  25 ก.ค. 2556
หมายเลข  32220
อ่าน  402

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ "ธาตุ"

คำว่า ธาตุ เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง อ่านตามภาษาบาลีว่า ทา - ตุ นิยมแปลทับศัพท์ เป็น ธาตุ มีความหมายว่า สภาพที่ทรงไว้ซึ่งสภาวะของตน เป็นธรรมที่มีจริง ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ตามข้อความจาก สารัตถปกาสินี อรรถกถา สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ธาตุสูตร ว่า 

“ความที่ธรรมมีสภาพต่างกัน ได้ชื่อว่า ธาตุ เพราะอรรถว่า เป็นสภาวะ (มีจริงๆ) กล่าวคือ มีอรรถว่า มิใช่สัตว์ และมีอรรถว่า เป็นของสูญ (ว่างเปล่าจากความเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน) ดังนี้ ชื่อว่า ความต่างแห่งธาตุ”


พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ตลอด ๔๕ พรรษา เป็นคำสอนที่เป็นไปเพื่อปัญญาโดยตลอด เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ซึ่งมีแล้ว แต่ไม่รู้ ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถทำอะไรให้เกิดขึ้นได้เลย ทุกขณะเป็นสิ่งที่มีจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้น เวลาที่กล่าวถึงธาตุ ก็คือ สิ่งที่มีจริงๆ และเป็นธรรม ด้วย เพราะธาตุกับธรรมมีความหมายอย่างเดียวกัน สิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ก็คือ แต่ละหนึ่งไม่ได้ปะปนกันเลย มีจริง แต่หลากหลายต่างกัน เช่น ความโกรธ เป็นอย่างหนึ่ง ความติดข้องยินดีพอใจเป็นอย่างหนึ่ง ศรัทธาเป็นอย่างหนึ่ง ความละอายเป็นอย่างหนึ่ง ความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นอย่างหนึ่ง รูปแต่ละรูป เป็นแต่ละหนึ่ง เป็นต้น 

ตั้งแต่เกิดมา ก่อนฟังพระธรรม ไม่รู้ความจริงอะไรเลย หลงผิดว่าเป็นเรา หรือหลงผิดว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่เที่ยงยั่งยืน แต่แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่มีจริงนั้น มีลักษณะเฉพาะแต่ละหนึ่ง ซึ่งปะปนกันไม่ได้  เกิดแล้วก็ดับไป แม้แต่ที่กล่าวว่า ร่างกายของเรา มีความสำคัญในร่างกายตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้าว่าเป็นตาเรา หูเรา แขนเรา ขาเรา เป็นต้น  ก็เพราะไม่รู้ตามความเป็นจริงว่า ที่เป็นร่างกายนั้น มีลักษณะอย่างไร ก็ไม่พ้นไปจากธาตุหรือธรรมเลย เพราะฉะนั้น แต่ละลักษณะที่มีจริงสามารถเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงได้ว่า เมื่อสิ่งนั้นมีจริง มีลักษณะอย่างนั้น แล้วจะเป็นเราได้อย่างไร ซึ่งจะต้องเป็นผู้ตรงตั้งแต่ต้นว่า สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นจริง เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ยกตัวอย่างแข็งที่ตัว ก็เป็นแข็ง เป็นธาตุอย่างหนึ่ง แล้วจะบอกว่าเป็นเราได้อย่างไร ในเมื่อแข็งเป็นแข็ง แข็งจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย ตัวอย่างต่อไป เช่น ได้ยิน ก็มีจริงๆ เป็นธาตุอย่างหนึ่ง  ได้ยินเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากได้ยิน เป็นเห็นไม่ได้ เป็นความรู้สึกไม่ได้ ต้องเป็นเฉพาะได้ยินเท่านั้น เมื่อได้ยินเกิดขึ้นก็ต้องรู้เสียงเท่านั้น รู้อย่างอื่นไม่ได้       

 เพราะฉะนั้น ก็จะต้องเป็นผู้ตรงในทุกคำที่ได้ยินได้ฟัง แข็งไม่ใช่เรา ได้ยินไม่ใช่เรา กุศลไม่ใช่เรา อกุศลไม่ใช่เรา รูปไม่ใช่เรา ทั้งหมดนั้น ล้วนแสดงให้เห็นถึงความจริงของสิ่งที่มีจริงว่า เป็นธาตุแต่ละชนิด ซึ่งมีลักษณะเฉพาะแต่ละอย่าง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น นี้คือ การเริ่มฟังความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ให้เข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริง เพื่อที่จะได้รู้ว่ามีจริงๆ เพียงชั่วคราว และสิ่งที่มีจริงนั้น ก็เป็นแต่เพียงธาตุแต่ละอย่างๆ เท่านั้น

ถ้ามีความเข้าใจแต่ละธาตุๆ ทั้งหมด ว่าแท้ที่จริงก็เป็นสิ่งที่มีจริงซึ่งมีลักษณะปรากฏเพียงชั่วคราวและเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ก็สามารถจะรู้ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงให้ผู้อื่นได้เข้าใจถูกเห็นถูกว่า ขณะนี้เป็นธาตุ ทั้งหมดเลย ไม่มีเรา ถ้ายิ่งฟัง ยิ่งจะเข้าใจถึงความเป็นธาตุที่มีจริงตามความเป็นจริงจนกว่าจะละคลายการยึดถือว่าเป็นเรา เพราะว่าได้มีความเข้าใจในความเป็นธาตุ และที่จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกอย่างนี้ได้นั้น ต้องรู้ว่าพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง  ทรงแสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ โดยไม่มีใครสามารถทำให้เกิดขึ้นได้เลย ทุกขณะตั้งแต่เกิดจนตาย ก็เป็นแต่เพียงธาตุแต่ละอย่างๆ เป็นธาตุที่เป็นสภาพรู้  ธาตุรู้ (นามธรรม) กับธาตุที่ไม่ใช่สภาพรู้ (รูปธรรม) เท่านั้นจริงๆ ซึ่งจะต้องมีความอดทน มีความเพียร มีความจริงใจ มีความมั่นคงที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจยิ่งขึ้นต่อไป. 


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ