[คำที่ ๑๑๑] สรณ

 
Sudhipong.U
วันที่  10 ต.ค. 2556
หมายเลข  32231
อ่าน  431

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ สรณ

คำว่า สรณ เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง อ่านออกเสียงตามภาษาบาลีว่า สะ- ระ- นะ แปลว่า ที่พึ่งที่อาศัย มีอรรถที่ลึกซึ้งมากเพราะเป็นที่พึ่งที่อาศัยทำให้พ้นจากทุกข์พ้นจากกิเลส ตามข้อความจากอรรถกถาทั้งหลาย ดังนี้

“ที่ชื่อว่า สรณะ เพราะอรรถว่า กำจัด อธิบายว่า บีบ ทำลาย นำออก ดับซึ่งภัยคือความกลัว ความหวาดสะดุ้ง ทุกข์ ทุคติ ความเศร้าหมอง”

(จาก... ปรมัตถโชติกา  อรรถกถาขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ พรรณนาพระสรณตรัย)

“บทว่า สรณะ (ที่พึ่ง) คือ ที่พึ่งที่ยังทุกข์ให้พินาศไป”

(จาก... สัทธัมมปัชโชติกา  อรรถกถาขุททกนิกาย    มหานิทเทส)


ในสังสารวัฏฏ์ที่ผ่านมา แต่ละคนแต่ละท่านเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน และสะสมกุศลมามาก เพราะความเป็นปุถุชนจึงมากไปด้วยอกุศล ซึ่งได้สะสมมาอย่างเนิ่นนาน  แม้ในวันนี้วันเดียวอกุศลก็เกิดมากมายเหลือเกิน เมื่อมีความเข้าใจว่า กุศลธรรม มีมาก จึงมีการเห็นโทษของกุศลธรรม มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เพื่อที่จะขัดเกลาละคลายกุศลธรรม เมื่อได้ศึกษาพระธรรมแล้ว ก็จะค่อยๆ เห็นว่าขณะจิตที่เป็นไปในแต่ละวันนั้น เป็นไปกับด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ตลอดเวลาที่จิตไม่เป็นไปในการให้ทาน ไม่ได้เป็นไปในการรักษาศีล และไม่ได้เป็นไปในการอบรมเจริญปัญญา จากการฟังธรรมบ้าง สนทนาธรรมบ้าง ถ้าจิตไม่ได้น้อมไปในสิ่งที่ดีเหล่านี้  ก็จะเป็นกุศลโดยตลอด

ตามความเป็นจริงแล้ว อกุศลธรรมทั้งหลาย เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย มีแต่จะนำมาซึ่งทุกข์โทษภัยโดยส่วนเดียว แต่กุศลธรรมทั้งหลาย เป็นที่พึ่งได้ เป็นเพื่อนสนิท เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด และสำหรับกุศลธรรมที่ประเสริฐนั้น ก็ต้องเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา คือ กุศลที่ประกอบด้วยความเข้าใจถูก เห็นถูก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงถึงธรรมที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริง  ซึ่งก็คือ กุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ที่เป็นไปในการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติ ตามความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน เพื่อค่อยๆ สะสมความเข้าใจจนกว่าจะเป็นปัจจัยทำให้สามารถที่จะละคลายกิเลสได้ตามลำดับ  ซึ่งจะต้องมีพื้นฐานที่สำคัญมาจากการฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน กุศลธรรมที่ประกอบด้วยความเข้าใจถูก มีคุณมาก ค่อยๆ เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏและ มีการอบรมเจริญให้มากขึ้นจนเห็นโทษของกุศลธรรมและ รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ปัญญา (ความเข้าใจถูก  เห็นถูก) เป็นสังขารขันธ์ซึ่งปรุงแต่งจิตให้มีการสะสม และดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ถูกต้อง อุปมาเหมือนกับผู้จะที่เดินทางไกล เพื่อจะออกจากสังสารวัฏฏ์ ออกจากการเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ก็ต้องมีการสะสมเสบียงในการเดินทาง    เสบียง ก็คือ กุศลธรรมทั้งหลาย ซึ่งจะ เป็นเพื่อนสนิท เป็นมิตรที่คอยอุปถัมภ์ที่จะให้ผลข้างหน้า คือ การเกิดในสุคติภูมิ แล้วยังสะสมเป็นปัจจัยให้มีการได้ฟังพระธรรมต่อไปอีก เพื่อที่จะได้อบรมเจริญกุศลจนกว่าจะถึงการดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาดไม่เกิดอีกเลย) และออกจากสังสารวัฏฏ์ได้ในที่สุด    

ประโยชน์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์และมีชีวิตอยู่ถึงขณะนี้ ก็คือ ค่อยๆ สะสมปัญญาและกุศลทุกประการซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งในภพปัจจุบัน คือ ได้สะสมเหตุที่ดีไว้ในชาตินี้  และกุศลธรรมยังให้ผลอุปถัมภ์ในภพที่เกิดในสุคติภูมิ ที่สำคัญที่สุดยังให้ผลเป็นประโยชน์อย่างสูงสุด คือ การดับกิเลส ได้ในที่สุด ซึ่งต้องเป็นกุศลธรรมที่ประกอบด้วยปัญญา คือ กุศลธรรมที่เป็นไปในความเข้าใจถูก เพราะฉะนั้นแล้ว ที่พึ่งที่แท้จริง ก็คือ ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก และเหตุสำคัญที่ทำให้ปัญญาเจริญ ก็คือ ไม่ขาดการฟังพระธรรม. 


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ