[คำที่ ๑๒๕] พุทธสาสนิก‏

 
Sudhipong.U
วันที่  16 ม.ค. 2557
หมายเลข  32245
อ่าน  541

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ พุทฺธสาสนิก

คำว่า พุทฺธสาสนิก เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง อ่านตามภาษาบาลีว่า พุด -ทะ -สา - สะ- นิ - กะ ส่วนใหญ่ในภาษาไทย จะคุ้นกับคำว่า พุทธศาสนิกชน ซึ่งมาจากภาษาบาลีคำดังกล่าวนี้นั่นเองมีความหมายอย่างเดียวกัน คือ หมายถึง ชนผู้นับถือพระพุทธศาสนา หรือแปลสั้นๆ ว่า ชาวพุทธ,  ขึ้นชื่อว่าชาวพุทธแล้ว จะต้องได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม มีความเข้าใจพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นผู้น้อมประพฤติตามพระธรรม ไม่ใช่ว่าคนที่เกิดมาแล้ว จะเป็นชาวพุทธทุกคน ก็ต้องเป็นเฉพาะผู้ที่ได้เข้าใจพระธรรม น้อมประพฤติตามพระธรรม เป็นคนดี มีศรัทธา มีศีล เป็นต้น ตามข้อความจาก พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต จัณฑาลสูตร แสดง คุณสมบัติของผู้ที่เป็นชาวพุทธ ไว้ ๕ ประการ คือ เป็นผู้มีศรัทธา ๑ เป็นผู้มีศีล ๑  เป็นผู้ไม่ถือมงคลตื่นข่าว เชื่อกรรมไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว ๑ ไม่แสวงหาเขตบุญภายนอกศาสนานี้  ๑ ทำการสนับสนุนในศาสนานี้  ๑.


พุทธศาสนิกชน หรือ ชาวพุทธ  คือ ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา การที่จะเป็นชาวพุทธที่แท้จริงได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม อันเป็นคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เรียกว่า พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของผู้ทรงตรัสรู้ความจริง และมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ซึ่งเมื่อมีความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นไปตามลำดับก็จะเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลให้ความดีประการต่างๆในชีวิตประจำวันเจริญยิ่งขึ้นด้วย ทำให้เป็นผู้มีศีล กระทำในสิ่งที่ควรทำและงดเว้นในสิ่งที่ควรงดเว้น เป็นผู้ที่มีศรัทธา เลื่อมใสในพระรัตนตรัย เมื่อมีความเข้าใจถูก ก็ไม่เป็นผู้เชื่อมงคลตื่นข่าว แต่มีความมั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม เมื่อมีความเข้าใจถูก ก็ทำให้ไม่แสวงหาเขตบุญภายนอกพระพุทธศาสนา เนื่องจากว่าคำสอนที่จะทำให้พ้นจากทุกข์ได้นั้น มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่มีในคำสอนอื่น นอกจากนั้น ขณะที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม  มีความเข้าใจที่ถูกต้อง  พร้อมทั้งมีการเผยแพร่พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ให้ผู้อื่นได้เข้าใจด้วย ก็ได้ชื่อว่า ทำการสนับสนุนในพระศาสนานี้แล้ว เป็นการดำรงรักษาไว้ซึ่งพระธรรมคำสอนด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง   

ถ้าชาวพุทธ ไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่มีความเข้าใจพระธรรม ก็ไม่ชื่อว่าเป็นชาวพุทธ จริงๆ แล้วจะสืบทอดพระธรรมคำสอนซึ่งเป็นพระพุทธศาสนาได้อย่างไร? พระธรรมย่อมสูญแน่นอน ไม่มีการที่จะดำรงสืบต่อไปได้ เพราะฉะนั้นแล้ว จึงขึ้นอยู่กับชาวพุทธ คือ ผู้นับถือพระพุทธศาสนาที่เข้าใจพระธรรม ซึ่งก็เป็นแต่ละบุคคล จึงควรอย่างยิ่งที่ทุกคนจะศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพนอบน้อมพร้อมทั้งมีความจริงใจและมีความตั้งใจมั่นที่จะประพฤติปฏิบัติตาม และประการที่สำคัญจุดประสงค์ของการศึกษาพระธรรม ไม่ใช่เพื่อเก่ง ไม่ใช่เพื่อได้ลาภ  สักการะ หรือ แม้แต่เพียงการชมเชย เพราะถ้าศึกษาเพื่อต้องการสิ่งดังกล่าวนั้น จะไม่ได้สาระจากพระธรรม (นอกจากจะเพิ่มกิเลสให้กับตนเองเท่านั้น) แต่ควรเป็นผู้ที่ศึกษาเพื่อประโยชน์จริงๆ คือ เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกและขัดเกลากิเลสของตนเองซึ่งมีมากและสะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์

สิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ความเข้าใจที่ถูกต้อง ย่อมเกิดไม่ได้, เมื่อไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ย่อมทำให้เป็นผู้มีความเห็นผิด เมื่อเห็นผิด การปฏิบัติก็ผิด  ผิดคนเดียวยังไม่พอ ยังอาจเผยแพร่ความเข้าใจผิดให้แก่ผู้อื่นอีกด้วย ซึ่งเป็นอันตรายมากทั้งแก่ตัวผู้เผยแพร่และแก่ผู้อื่น ถ้าเป็นอย่างนี้ จิตใจย่อมเสื่อมจากคุณธรรม เสื่อมจากความดี นั่นหมายความว่า เป็นเหตุให้ศาสนาเสื่อมเร็วขึ้น ดำรงอยู่ได้ไม่นาน แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าชาวพุทธศึกษาพระธรรม ด้วยความละเอียดรอบคอบ มีความเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้องไปตามลำดับพร้อมทั้งน้อมปฏิบัติตามด้วยความจริงใจ กล่าวได้ว่า เป็นผู้ที่มีความเห็นถูกตรงตามพระธรรมคำสอน เมื่อมีความเห็นถูก กาย  วาจา ใจ ก็จะเป็นไปในทางที่ถูกยิ่งขึ้น ต่อจากนั้นก็แนะนำบุคคลอื่นให้ตั้งอยู่ในความเห็นถูกด้วย ผู้ที่ถูกแนะนำมีความเข้าใจถูกตามที่ผู้แนะนำได้แสดง ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ พระพุทธศาสนาก็สืบทอดต่อไปได้นาน ดำรงอยู่นาน ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ก็เพราะชาวพุทธมีความเข้าใจที่ถูกต้องและน้อมประพฤติปฏิบัติตามคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นสำคัญ

อีกประการหนึ่ง ความดีทุกอย่างทุกประการ เป็นสิ่งที่ควรกระทำ ควรอบรมเจริญให้มีขึ้นทั้งนั้น โดยไม่ได้มีการบังคับว่าให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ความดี เป็นความดี เป็นกุศลธรรม เป็นสิ่งที่ถูกต้อง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อให้ชาวพุทธได้เข้าใจตามความเป็นจริง ได้เห็นคุณของกุศลธรรมว่าเป็นธรรมที่เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง  เป็นธรรมที่ให้ผลเป็นสุข ไม่นำมาซึ่งทุกข์โทษภัยใด ๆ, และ อกุศลธรรมทั้งหลาย พระองค์ก็ทรงแสดงไว้อย่างมากมายเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แต่ละคนก็มีมากๆ ด้วยกันทั้งนั้น เพื่อให้ได้เข้าใจตามความเป็นจริง ได้เห็นโทษเห็นภัยของอกุศลธรรมโดยประการทั้งปวง แล้วถอยกลับจากอกุศลธรรม ขัดเกลาด้วยกุศลธรรม ทั้งหมดนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงไปตามความเป็นจริง ขึ้นอยู่กับว่าจะเห็นคุณของกุศลธรรม และเห็นโทษของอกุศลธรรม มากน้อยแค่ไหน ตามการสะสมของแต่ละบุคคลจริงๆ 

เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว การที่จะเป็นชาวพุทธจริงๆ คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม เป็นคนดี มีชีวิตดำเนินไปตามปกติ ควบคู่ไปกับการอบรมเจริญปัญญา จากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และเจริญกุศลประการต่างๆ เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง ต่อไป.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 17 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ