[คำที่ ๑๔๓] อตฺตภาว

 
Sudhipong.U
วันที่  22 พ.ค. 2557
หมายเลข  32263
อ่าน  693

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ "อตฺตภาว”

คำว่า อตฺตภาว เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง อ่านตามภาษาบาลีว่า อัด - ตะ - พา - วะ เขียนเป็นไทยได้ว่า อัตภาพ แปลว่า  ความเป็นบุคคลนี้  ที่เรียกว่า เป็นสัตว์  เป็นบุคคลได้นั้น ก็เพราะว่ามีธรรม คือ จิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) และรูป เกิดขึ้นเป็นไป ถ้าเกิดเป็นมนุษย์  ก็ได้อัตภาพของความเป็นมนุษย์ ถ้าเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ก็ได้อัตภาพความเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เป็นต้น ซึ่งก็คือ ความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรม และต้องมุ่งหมายเฉพาะสิ่งมีชีวิต เท่านั้น สำหรับการได้อัตภาพความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นการเกิดในสุคติภูมิ เป็นการได้ที่ยากอย่างยิ่ง ตามข้อความจาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท และ อรรถกถา ดังนี้  

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า “ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก”

ในอรรถกถา ได้อธิบายไว้ว่า “ก็ขึ้นชื่อว่า  ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์ ชื่อว่า เป็นการยาก คือ หาได้ยาก เพราะความเป็นมนุษย์ บุคคลต้องได้ด้วยความพยายามมาก ด้วยกุศลมาก”


อัตภาพ หมายถึง ความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ ซึ่งก็คือความเป็นไปของสภาพธรรม คือ นามธรรม และ รูปธรรม ที่เกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอดเวลา  จะเห็นได้ว่า การได้อัตภาพ คือ ความเป็นบุคคลนี้ ก็เพราะเหตุว่ายังมีเหตุที่ทำให้เกิด คือ ตัณหา ความติดข้องยินดีพอใจ, ตราบใดที่ยังมีตัณหา และ อวิชชา (ความไม่รู้) ก็เป็นเหตุให้เกิดในภพใหม่อยู่ร่ำไป ทำให้มีการเกิดต่อไป 

การได้ซึ่งอัตภาพในแต่ละชาติ ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดเป็นใคร ในภพภูมิใด กล่าวคือ เกิดในนรก เกิดเป็นเปรต เกิดเป็นอสุรกาย    เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นพรหมบุคคล ย่อมมีความแตกต่างกัน    

ขอกล่าวถึง การเกิดเป็นมนุษย์ การได้อัตภาพความเป็นมนุษย์ เป็นผลของกรรมดี(กุศลกรรม) ผู้ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ กล่าวได้ว่า มีอัตภาพ ดี     เพราะเกิดในสุคติภูมิ  ซึ่งจะแตกต่างจากการเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิอย่างสิ้นเชิง เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ ที่ได้อย่างยากแสนยาก ก็ควรอย่างยิ่งที่จะทำตนให้เหมาะสมกับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ด้วยการสะสมที่พึ่งให้กับตนเอง ด้วยการไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา และไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ ย่อมเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นไปกับด้วยกุศล ถึงแม้ว่าจะยังเป็นผู้ไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลย แต่ก็ยังมีที่พึ่ง คือ กุศลธรรม เมื่อสะสมกุศลไว้ เวลาที่กุศลให้ผล ก็ทำให้เกิดในภพภูมิที่ดี มีโอกาสได้เจริญกุศลยิ่งขึ้นต่อไป จนกว่าจะมีปัญญาถึงขั้นที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ในที่สุด

ในทางตรงกันข้าม ถึงแม้ว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว มีอัตภาพที่ดีแล้ว แต่ก็เป็นผู้ประมาทมัวเมา ไม่เห็นคุณของกุศล พร้อมทั้งไม่เห็นโทษของอกุศล วันหนึ่งๆ ประพฤติแต่ทุจริตกรรม เต็มไปด้วยอกุศลนานัปประการ ไม่แสวงหาที่พึ่งให้กับตนเอง บุคคลประเภทนี้ ย่อมทำตนให้ตกต่ำ ไม่คุ้มค่ากับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งได้อย่างยากแสนยาก เพราะเป็นไปกับอกุศล ซึ่งนับวันมีแต่จะพอกพูนอกุศลให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น   ซึ่งไม่ควรเลยที่จะเป็นอย่างนี้ และประการสำคัญ อกุศลนำมาซึ่งความทุกข์ เมื่อถึงคราวที่อกุศลที่ตนเองได้กระทำแล้วให้ผล ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิมีนรกเป็นต้น และทำให้ได้รับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจเป็นอย่างมาก โดยที่ไม่มีใครทำให้เลย

จึงแสดงให้เห็นว่า เกิดเป็นมนุษย์ นั้นดีแล้ว เพราะชาตินั้นพ้นจากอบายภูมิ ไม่ได้เกิดในอบายภูมิ แต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอ ควรที่จะได้พิจารณาต่อไปว่า ชาติไหนก็ตาม ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม แล้วรู้ความจริงได้ ชาตินั้นก็เป็นชาติที่มีประโยชน์ เพราะเหตุว่าประโยชน์ของการเกิดมนุษย์อยู่ที่ได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ดังนั้น แต่ละคนย่อมไม่รู้ว่าจะละจากโลกนี้ไปเมื่อใด ชีวิตที่มีอยู่ก่อนที่จะละจากโลกนี้ไป สำคัญอย่างมาก จึงควรอย่างยิ่งที่จะเป็นไปเพื่อการสะสมความดีและฟังพระธรรมให้เข้าใจ สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ สำหรับทุกคน คือ ความดี และ ความเข้าใจพระธรรม.

 


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ