[คำที่ ๑๔๗] อตฺถ

 
Sudhipong.U
วันที่  19 มิ.ย. 2557
หมายเลข  32267
อ่าน  613

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์  อตฺถ

คำว่า อตฺถ เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง อ่านตามภาษาบาลีว่า อัด - ถะ เขียนเป็นไทยได้ว่า อรรถ มีความหมายหลายอย่าง คือ หมายถึง ผล เนื้อความ ประโยชน์ ทรัพย์สมบัติ เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นต้น ในที่นี้จะขอนำเสนอในความหมายที่หมายถึง ประโยชน์ อันเป็นสิ่งที่ควรได้ ควรถึง ซึ่งไม่พ้นไปจากความไม่ประมาทในการสะสมความดี ตามข้อความจาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย  อิติวุตตกะ อุโภอัตถสูตร ว่า

“บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท ในบุญกิริยา (การทำบุญ) ทั้งหลาย บัณฑิต ไม่ประมาทแล้ว ย่อมถือเอาประโยชน์ทั้งสองนี้ไว้ได้ คือ ประโยชน์ในปัจจุบัน ๑ ประโยชน์ในสัมปรายภพ (ภพหน้า) ๑”


ถ้าจะถามว่า ประโยชน์ที่เกิดมาในแต่ละภพแต่ละชาติ คืออะไร? หลายคนก็อาจจะตอบกันไปคนละอย่าง ตามการสะสม แต่สำหรับผู้ที่ได้ยินคำว่า “พระพุทธศาสนา” และได้สะสมความเห็นถูกที่เห็นประโยชน์สูงสุดในชีวิต ย่อมพิจารณาเห็นว่าทุกคนมาเกิดแล้วต้องตาย สิ่งที่คิดว่าได้มาแล้วทั้งหมดทุกวัน แม้แต่เมื่อวานนี้ เดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหน ความสุขเมื่อวานนี้อยู่ที่ไหน เรื่องสนุก อาหารอร่อย หรือ ลาภ ยศ สรรเสริญก็ตาม จะติดตามไปถึงโลกหน้าไม่ได้ เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วในหนึ่งชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์ได้อะไร? ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่รู้คุณค่าเลยว่า สิ่งที่มีคุณค่าเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือปัญญา (ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก) ซึ่งบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่สามารถแสดงให้บุคคลอื่นเกิดความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงๆ  ที่กำลังปรากฏ แต่ละขณะในชีวิตนี้ได้เลย

เมื่อเห็นประโยชน์อย่างนี้ ก็จะมีความมั่นคงที่จะรู้ว่า สิ่งที่สำคัญหรือเป็นประโยชน์ที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ลาภ ซึ่งเสื่อมได้ ไม่ใช่ยศซึ่งเสื่อมได้ ไม่ใช่สรรเสริญ ไม่ใช่สุข ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประจำโลกที่ทุกคนก็ได้รู้ได้เห็นด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น สิ่งที่ประเสริฐกว่านั้น ก็คือ การที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้เข้าใจพระธรรม สมกับเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา คือ คำสอนของผู้ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ว่าธรรมไม่ใช่เรื่องวันเดียว ไม่ใช่เรื่องครึ่งวัน ไม่ใช่เรื่องสองวัน แต่เป็นเรื่องตลอดชีวิต ถ้าเห็นประโยชน์ จะเห็นว่าขาดการฟังพระธรรมไม่ได้ เพราะเหตุว่าถึงแม้ว่าสิ่งอื่นจะเกิดขึ้นและหมดไป แต่ความรู้ความเข้าใจซึ่งเริ่มเกิดขึ้น และมีความสนใจที่จะรู้ต่อไป จะเจริญยิ่งขึ้น

เมื่อกล่าวโดยประมวลแล้ว สิ่งที่เป็นประโยชน์ในชีวิต ต้องเป็นกุศล สิ่งที่เป็นอกุศล ไม่ใช่ประโยชน์ ถ้าใครคิดว่า อกุศล เป็นประโยชน์ นั่นเป็นความเห็นที่ผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของธรรม ขณะที่กุศลเกิดนั้น เป็นประโยชน์ทั้งในโลกนี้ และในโลกหน้าด้วย เพราะเหตุว่าจะนำมาซึ่งผลของกุศลนั้นๆ แต่ยังไม่ใช่ประโยชน์สูงสุดหรือประโยชน์อย่างยิ่งที่เป็นปรมัตถประโยชน์ ถ้าเป็นปรมัตถประโยชน์ แล้วต้องเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกซึ่งจะทำให้เข้าใจความจริงของสภาพธรรมตามความเป็นจริง สามารถที่จะทำให้ดับกิเลสได้ ดับความเห็นผิด ดับความสงสัย ดับความติดข้องในสิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งความติดข้อง มี รูป เสียง กลิ่น รส  โผฏฐัพพะ เป็นต้น เพราะปรมัตถประโยชน์ คือ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสถึงความเป็นพระอริยบุคคลตามลำดับขั้น กว่าจะไปถึงปรมัตถประโยชน์ได้นั้น ต้องไม่ละเลยโอกาสที่จะทำให้ตนเองได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น จากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง   

การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นเหตุทำให้ปัญญาเจริญขึ้น ปัญญาไม่ได้นำทุกข์โทษภัยใดๆ มาให้เลยแม้แต่น้อย และเมื่อปัญญาเจริญขึ้น ความดีประการต่างๆ ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นคล้อยตามปัญญา เพราะหนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา เป็นทางที่ทำให้กุศลธรรมทั้งหลายเจริญขึ้นอย่างแท้จริง.

 


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ