[คำที่ ๑๕๙] มหากรุณา

 
Sudhipong.U
วันที่  11 ก.ย. 2557
หมายเลข  32279
อ่าน  555

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์  “มหากรุณา

คำว่า  มหากรุณา เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง (อ่านตามภาษาบาลีว่า มะ - หา - กะ - รุ -  นา) มาจากคำสองคำรวมกัน คือ คำว่า มหา (ยิ่งใหญ่, มาก) กับคำว่า กรุณา (ความกรุณา, สภาพธรรมที่บำบัด คือ สภาพธรรมที่ยังความทุกข์ของผู้อื่นให้หมดไป) รวมกันเป็น มหากรุณา แปลว่า ความกรุณาที่ยิ่งใหญ่, พระมหากรุณา มุ่งอธิบายถึงพระมหากรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงอุปการะเกื้อกูลสัตว์โลกให้พ้นจากกิเลสอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง ด้วยการทรงแสดงพระธรรม ประกาศความจริงตลอด ๔๕ พรรษา ตั้งแต่หลังจากทรงตรัสรู้จนถึงวาระก่อนที่พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน มีผู้ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง มากมาย นับไม่ถ้วน พระบารมี (ธรรมฝ่ายดีที่ทำให้ถึงฝั่งแห่งการดับกิเลส) ทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงสะสมอบรมมานั้น ก็เพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง ดังข้อความจากปรมัตถทีปนี อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ  วิตักกสูตร ว่า

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเห็นว่า เราข้ามแล้ว โลก (สัตว์โลก) ยังไม่ข้าม เราพ้นแล้ว โลกยังไม่พ้น เราฝึกแล้ว โลกยังไม่ฝึก เราสงบแล้ว โลกยังไม่สงบ เราปลอดโปร่งแล้ว โลกยังไม่ปลอดโปร่ง เราดับกิเลสแล้ว โลกยังไม่ดับกิเลส, เราข้ามแล้ว เพื่อให้โลกข้ามบ้าง เราพ้นแล้ว เพื่อให้โลกพ้นบ้าง เราฝึกแล้ว เพื่อให้โลกฝึกบ้าง เราสงบแล้ว เพื่อให้โลกสงบบ้าง    เราปลอดโปร่งแล้วเพื่อให้โลกปลอดโปร่งบ้าง เราปรินิพพานแล้ว เพื่อให้ผู้อื่นปรินิพพานบ้าง ดังนี้


พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดง พระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ เพื่อให้บุคคลอื่นได้เข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริง เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงตรัสรู้ จึงควรเข้าใจตั้งแต่ต้น ว่า พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของใคร? ของสัมมาสัมพุทธเจ้า       ทรงสอนเรื่องอะไร? ทรงสอนเรื่องความจริงที่สามารถรู้ตาม จนถึงประจักษ์แจ้งความจริงและดับความไม่รู้ ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นของปัญญา  พระพุทธศาสนา จึงเป็นเรื่องของปัญญา ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม

คำสอนในพระพุทธศาสนา ทั้งหมด ไม่ได้มีคำแนะนำให้ทำ แต่เป็นเรื่องของบุคคลผู้ศึกษานั้นเอง ที่ควรเข้าใจตั้งแต่ต้นว่าตนเองได้รู้จักพระพุทธศาสนาแล้ว หรือยังว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า ทรงสอนให้เข้าใจความจริง ไม่ใช่สอนให้ทำ โดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ทรงสอนให้เข้าใจว่า ขณะนี้มีสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ซึ่งตั้งแต่เกิดจนตายก็เกิดดับสืบต่อตลอดเวลาไม่ขาดสาย แต่ไม่เคยรู้จักสภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริง ว่าสภาพธรรมที่กำลังปรากฏนั้น คือ อะไร และมีการยึดถือสภาพธรรมเหล่านั้น ว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เมื่อได้ฟังพระธรรมคำสอนของพระองค์ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ก็จะทราบตามความเป็นจริง ว่าไม่มีสิ่งที่เคยยึดถือ ว่าเป็นตัวตน เป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล มีแต่สภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อตามเหตุ ตามปัจจัย ซึ่งหมายถึงสภาพธรรมที่มีจริงๆ แต่ละขณะเท่านั้น 

ที่น่าพิจารณา คือ ในชีวิตประจำวัน คงจะไม่มีใครที่ไม่มีอกุศลเกิดขึ้น ย่อมมีด้วยกันทั้งนั้น เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล, บางคนอาจจะบอกว่าไม่มีอกุศลเลย วันนี้ไม่ได้เบียดเบียนใคร ไม่อยากได้ของของใคร นี้คือ ผู้ที่ยังไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะยังไม่รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วอกุศลละเอียดมาก มีทั้งอย่างหยาบซึ่งทำให้เบียดเบียนประทุษร้ายบุคคลอื่น จนกระทั่งถึงแม้ไม่เบียดเบียนใครด้วยกาย ด้วยวาจา แต่จิตขณะนั้นก็แปดเปื้อนเศร้าหมองไม่สะอาดด้วยอกุศลที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ขณะใดก็ตามเห็นแล้วก็เป็นอกุศล ได้ยินเรื่องราวต่างๆ แล้วก็เป็นอกุศล อกุศลเหล่านี้มาจากไหน อยู่ดีๆ จะเกิดขึ้นมาได้หรือไม่ โดยไม่มีเหตุ โดยไม่มีปัจจัย เพราะล้วนเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ซึ่งจะต้องทราบว่าสามารถจะรู้ลักษณะของอกุศลนั้นได้ แล้วก็เริ่มเข้าใจว่า เพราะสะสมอกุศลประเภทนั้นๆ มา จนกระทั่งมีกำลังทำให้จิตขณะนั้นเกิดขึ้นเป็นอกุศล เพราะฉะนั้น ในวันหนึ่งๆ ทุกคนก็มีอกุศลจิตเกิดขึ้นมาก แสดงว่าสะสมอกุศลที่มีกำลังที่จะทำให้เกิดเป็นอกุศลได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จะไม่สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และไม่สามารถที่จะขัดเกลาละคลายกิเลสได้เลย  

เพราะฉะนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ การฟังพระธรรม, การฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อประโยชน์ คือ เข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง เพื่อละอกุศลทั้งอย่างหยาบ (ล่วงเป็นทุจริตกรรมเบียดเบียนผู้อื่น) ทั้งอย่างกลาง (กลุ้มรุมจิตใจ) ทั้งอย่างละเอียดที่สุด (คือ ไม่ปรากฏ  ซึ่งนอนเนื่องอยู่ในจิตทุกขณะ) จนกระทั่งไม่สามารถเกิดได้อีกเลย นี้คือพระมหากรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อสัตว์โลก พระบารมีทั้งหมดที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ ก็เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง จึงควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาในคำของพระองค์ ด้วยความเคารพ รอบคอบ ไม่ประมาทในแต่ละคำที่พระองค์ทรงแสดง เพราะทุกคำที่พระองค์ทรงแสดง นั้น มีแต่ประโยชน์ ไม่มีคำที่เป็นโทษเลยแม้แต่น้อย.

 


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ