[คำที่ ๒๘o] ทิฏฐิ
ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “ทิฏฺฐิ”
คำว่า ทิฏฺฐิ เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง [อ่านออกเสียงตามภาษาบาลีว่า ทิด - ถิ] แปลว่า ความเห็น มี ๒ ประเภท คือ ความเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ,ปัญญา) กับ ความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเหตุว่า ความเห็นถูก เป็นธรรมที่ดีงาม เป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลให้คุณความดีทั้งหลายเจริญขึ้น เป็นที่พึ่งได้ในทุกระดับขั้น จนถึงสูงสุดสามารถทำให้รู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง ดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ ส่วน ความเห็นผิด เป็นอกุศลธรรม เป็นธรรมที่มีโทษ ให้ผลเป็นทุกข์ ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
ข้อความจาก พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต แสดงความเป็นจริงของความเห็น ไว้ว่า
“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่น แม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ไม่เกิดขึ้น หรือ อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป เหมือนกับสัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ) นี้เลย ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นชอบ อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป”
“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง (คือ เกิดมากขึ้น) เหมือนกับมิจฉาทิฏฐินี้เลย ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นผิด อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบูลย์ยิ่ง”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบุคคลผู้เลิศที่สุด ประเสริฐที่สุด เจริญที่สุดในโลก ไม่มีใครเสมอเหมือน เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ทรงมีพระมหากรุณาต่อสัตว์โลก จึงทรงแสดงพระธรรมเกื้อกูลสัตว์โลก เพื่อให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริง ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ทรงบำเพ็ญประโยชน์ต่อสัตว์โลกอย่างแท้จริง
การที่แต่ละบุคคลจะรู้ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงมากน้อยเพียงใดนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการสะสมของแต่ละบุคคล ซึ่งจะต้องฟัง พิจารณาไตร่ตรองบ่อยๆ เนืองๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้น และประการที่สำคัญ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น ไม่พ้นไปจากเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปในชีวิตประจำวัน ว่า เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน
แม้แต่ความเห็นก็มีจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ความเห็น มี ๒ อย่าง คือ ความเห็นถูก กับ ความเห็นผิด ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) เป็นความเห็นที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เป็นความเห็นที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง ความเห็นผิด ไม่ได้มีเฉพาะในยุคนี้สมัยนี้เท่านั้น มีมาแล้วทุกยุคทุกสมัย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ความเห็นผิดเป็นกิเลสที่อันตรายมาก มีโทษมาก เพราะว่าเมื่อมีความเห็นผิดแล้ว กาย วาจา ใจ ย่อมเป็นไปในทางที่ผิด บางคนตนเองเห็นผิดยังไม่พอ ยังแนะนำให้ผู้อื่นเห็นผิดตามไปด้วย ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากทีเดียว ทำให้จมอยู่ในห้วงของกิเลสเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย ทำให้คนออกจากพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวได้ว่า ความเห็นผิด มีโทษมากอย่างยิ่ง นำไปในสิ่งที่ผิดทั้งหมด ส่วนความเห็นถูก เป็นเรื่องของปัญญา เป็นสภาพธรรมที่เข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ความเห็นถูก เป็นธรรมที่สำคัญอย่างยิ่ง ในบรรดาธรรมที่เกิดดับทั้งหมด ความเห็นถูก เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ถ้ามีความเห็นถูก แล้ว กาย วาจา ใจ ย่อมเป็นไปในทางที่ถูก คล้อยตามกำลังของความเข้าใจ, ความความเห็นถูกจะค่อยๆ เจริญขึ้นได้ ก็เพราะอาศัยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง บ่อยๆ เนืองๆ เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ด้วยความละเอียด และรอบคอบ สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อไป ความเข้าใจถูกเห็นถูกที่ได้สะสมไว้นี้ไม่สูญหายไปไหน สะสมสืบต่ออยู่ในจิตทุกขณะ การเดินทางในสังสารวัฏฏ์ยังต้องเป็นไปอีกนานเพราะยังไม่ได้ดับกิเลสใดๆ ได้เลย ก็จะเป็นเหตุให้เป็นผู้มีความสนใจ เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไปอีก จนกว่าจะมีปัญญาเจริญขึ้นถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ได้ในที่สุด ซึ่งถ้าไม่เริ่มฟัง เริ่มศึกษา ตั้งแต่ขณะนี้เลย ก็จะไม่มีการฟัง การศึกษาในขณะต่อๆ ไปด้วย
ในสมัยปัจจุบันนี้ พระธรรมยังดำรงอยู่ ผู้ที่มีปัญญาแสดงธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็มีอยู่ ในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน การเคารพบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างยอดเยี่ยม จึงไม่มีทางอื่น นอกจากการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง แล้วน้อมประพฤติปฏิบัติเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ในขณะนี้ ถ้ามีการฟังมีการศึกษาพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงแล้วมีความเข้าใจที่ถูกต้อง การที่จะไปทำในสิ่งผิดๆ เชื่อตามๆ กันในสิ่งที่ผิด ไม่ตรงตามพระธรรมคำสอน ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย มีแต่จะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม และ ความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยส่วนเดียว พระธรรม ยิ่งศึกษา ก็ยิ่งเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่มีความเสียหายเลยแม้แต่น้อย เป็นเครื่องป้องกันไม่ให้ตกไปในฝ่ายผิด และยังเป็นการช่วยกันดำรงรักษาพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เจริญมั่นคงต่อไปได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ต่อไป ไม่ขาดการฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน เพราะความเข้าใจ แม้จะน้อย ก็เป็นประโยชน์ เมื่อฟังต่อไปอีก ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ.
อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ