[คำที่ ๓๒๔] ธมฺมปูชา

 
Sudhipong.U
วันที่  9 พ.ย. 2560
หมายเลข  32444
อ่าน  266

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “ธมฺมปูชา”

คำว่า ธมฺมปูชา เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง [อ่านออกเสียงตามภาษาบาลีว่า ดำ - มะ - ปู - ชา] มาจากคำว่า ธมฺม (คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งแสดงถึงสิ่งที่มีจริงทุกอย่าง) กับคำว่า ปูชา (การบูชา,เคารพ,นอบน้อม) รวมกันเป็น ธมฺมปูชา แปลว่า บูชาด้วยการน้อมประพฤติตามพระธรรม หรือแปลทับศัพท์ เป็น ธรรมบูชา เป็นการแสดงถึงความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมฝ่ายดี ที่เป็นไปพร้อมกับปัญญาที่เข้าใจถูกเห็นถูกในความเป็นจริงของธรรม เป็นการน้อมประพฤติตามพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งเป็นการบูชาอย่างสูงสุด ยิ่งกว่าการบูชาด้วยอามิส (วัตถุสิ่งของ) เพราะเหตุว่า การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง น้อมประพฤติตามพระธรรม จนถึงการดับกิเลสตามลำดับขั้น เป็น ธรรมบูชา หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปฏิบัติบูชา ซึ่งเป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสงค์ จึงได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ ไม่ใช่เพื่อที่จะรับดอกไม้เครื่องบูชาสักการะต่างๆ แต่เพื่อที่จะทรงเกื้อกูลให้สัตว์โลกได้หมดจากกิเลสด้วยการน้อมประพฤติตามพระธรรม อันเนื่องมาจากได้ฟังคำจริงที่พระองค์ทรงแสดง

ข้อความใน สุมังคลวิลาสินี อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร แสดงถึงความสำคัญของการบูชาด้วยการน้อมประพฤติตามพระธรรมไว้ว่า

“จริงอยู่ ชื่อว่าอามิสบูชา (การบูชาด้วยวัตถุสิ่งของ) นั้น ไม่สามารถจะดำรงพระศาสนาแม้ในวันหนึ่งบ้าง แม้ชั่วดื่มข้าวยาคู (ข้าวต้ม) ครั้งหนึ่งบ้าง จริงอยู่ วิหารพันแห่ง เช่นมหาวิหาร เจดีย์พันเจดีย์ เช่นมหาเจดีย์ ก็ดำรงพระศาสนาไว้ไม่ได้ บุญ ผู้ใดทำไว้ ก็เป็นของผู้นั้นผู้เดียว ส่วนสัมมาปฏิบัติ ชื่อว่าเป็นบูชาที่สมควรแก่พระตถาคต, เป็นความจริง ปฏิบัติบูชา นั้น ชื่อว่า ดำรงอยู่แล้ว สามารถดำรงพระศาสนาไว้ได้ด้วย”


ประโยชน์หรือสาระสำคัญของการมีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง อยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก เมื่อได้ฟังได้ศึกษา ไม่ว่าจากพระสูตรใด ข้อความใดในพระไตรปิฎกทั้งหมด ในแต่ละครั้ง แม้จะเล็กน้อย ก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง จึงฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เท่าที่จะเป็นไปได้ ตามกำลังปัญญาของแต่ละคน แม้การมีโอกาสได้ศึกษาในเรื่องการบูชา ๒ อย่าง ที่เป็นอามิสบูชา กับ ธรรมบูชา (หรือปฏิบัติบูชา, สัมมาปฏิบัติ) ก็เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง

พระบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ทั้งหมดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสะสมอบรมมา ตั้งแต่เริ่มตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งที่ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ก็เพื่อที่จะได้ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งยากแสนยากที่จะรู้ได้ และเพื่อทรงแสดงความจริงให้สัตว์โลกได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตามพระองค์ด้วย จากที่สัตว์โลกมากไปด้วยกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) มี ความไม่รู้ ความติดข้อง ความเห็นผิด เป็นต้น ก็สามารถมีความเข้าใจถูกเห็นถูกจนกระทั่งดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงแสดงพระธรรมประกาศความจริง เป็นระยะเวลานานถึง ๔๕ พรรษา นับคำไม่ถ้วน ทั้งหมดทั้งปวงนั้น เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริงของผู้ที่เป็นสาวกหรือพุทธบริษัท จึงกล่าวได้ว่าพระบารมีทั้งหมดที่พระองค์ทรงสะสมอบรมมา ก็เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง พุทธประสงค์ คือ ทรงแสดงพระธรรม เกื้อกูลสัตว์โลกให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ตามความเป็นจริง

บุคคลผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรม ได้รับประโยชน์จากพระธรรม ก็จะไม่ละเลยโอกาสของกุศลในชีวิตประจำวัน แม้การบูชา ก็เป็นกุศล เป็นความดี ไม่ได้มีข้อบังคับห้ามว่า ไม่ให้บูชาพระรัตนตรัยด้วยอามิส เพราะสามารถที่จะกระทำได้ เป็นกุศล เป็นความดี เพราะสำหรับผู้ที่เข้าใจพระธรรมแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่บูชาด้วยอามิสเท่านั้น แต่ก็มีการฟังพระธรรมมีการศึกษาพระธรรมสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ยิ่งขึ้น ด้วย เพราะเข้าใจว่า การบูชาอย่างสูงสุด ก็จะต้องเป็นการบูชาด้วยการน้อมประพฤติตามพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในความเป็นจริงของสภาพธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ดังนั้น ในฐานะที่เป็นสาวกของพระองค์ การที่จะทำให้ธรรมบูชาสมบูรณ์นั้น จึงไม่มีทางอื่น นอกจากการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ที่พระองค์ทรงแสดงแล้วน้อมประพฤติตามเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง

อีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก ของแต่ละคนเท่านั้นที่จะดำรงรักษาสืบทอดพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ดำรงมั่นคงสืบต่อไป ได้ ผู้ที่ไม่เข้าใจพระธรรม ไม่สามารถที่จะดำรงรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้เลย ดังนั้น จึงสำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกของผู้ที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมตามที่พระองค์ทรงแสดงอย่างแท้จริง และ ผู้ที่เป็นสาวกนั้น ก็ย่อมจะได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงตามกำลังปัญญาของตนเอง จนถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น หรือ แม้ไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล แต่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็ไม่ไร้ผล ความเข้าใจถูกเห็นถูกก็สะสมสืบต่ออยู่ในจิตเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้าได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกชาติ จึงไม่มีอะไรที่จะมีค่าเท่ากับการได้เข้าใจความจริง จากการที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 12 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ