[คำที่ ๓๖๘] สุคต

 
Sudhipong.U
วันที่  13 ก.ย. 2561
หมายเลข  32488
อ่าน  487

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ สุคต

คำว่า สุคต เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง [อ่านตามภาษาบาลีว่า สุ - คะ - ตะ] มาจากคำว่า สุ (ดี,งาม) กับคำว่า คต (ไปแล้ว) รวมกันเป็น สุคต แปลว่า ผู้เสด็จไปดีแล้ว แปลทับศัพท์เป็น พระสุคต คำว่า พระสุคต เป็นอีกพระนามหนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว ตั้งแต่พระองค์เริ่มสะสมพระบารมีคุณความดีประการต่างๆ จนถึงความสมบูรณ์พร้อม ทำให้พระองค์ได้ตรัสรู้ถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้สภาพธรรมที่มีจริงทุกอย่างตรงตามความเป็นจริง ทรงบริสุทธิ์ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง แล้วทรงมีพระมหากรุณาที่จะทรงแสดงความจริงเกื้อกูลแก่สัตว์โลกให้ได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตรงตามความเป็นจริง พระองค์ จึงเป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว โดยไม่มีใครเสมอเหมือนพระองค์

ข้อความในสมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ แสดงความหมายของ สุคต ไว้ดังนี้

“พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า สุคโต เพราะภาวะที่ทรงดำเนินไปงาม (ด้วยหนทางอันประเสริฐ) เพราะภาวะที่เสด็จไปยังสถานที่ดี (บรรลุอมตมหานิพพาน) เพราะภาวะที่เสด็จไปโดยชอบ (ไม่ทรงหวนกลับมาหากิเลสที่ทรงดับได้แล้ว) และ เพราะภาวะที่ตรัสไว้โดยชอบ (ตรัสพระวาจาที่ควรตรัส ในฐานะที่ควรตรัส กล่าวคือ ตรัสคำจริงเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก) ”.


พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้ตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นผู้หมดจดจากกิเลสด้วยพระปัญญาของพระองค์เอง พระบารมีคุณความดีทั้งหมดที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลานานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์เมื่อครั้งที่ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ไม่ใช่เพียงเพื่อตรัสรู้เฉพาะพระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น แต่ทั้งหมดเพื่ออุปการะเกื้อกูลให้สัตว์โลกได้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงอย่างที่พระองค์ทรงเข้าใจ ทรงเห็นว่าสัตว์โลกมากไปด้วยกิเลสทั้งหลาย มีความติดข้อง ความไม่รู้ และความเห็นผิด เป็นต้น จึงทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยพระมหากรุณาที่ไม่มีใครเสมอเหมือน ทรงแสดงพระธรรมประกาศพระศาสนาเพื่อให้สัตว์โลกได้พ้นจากจากกิเลสตามพระองค์ ซึ่งจะเห็นได้ว่า พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั้น เป็นเครื่องเตือนที่ดี ให้สัตว์โลกที่มากไปด้วยกิเลสประการต่างๆ มีอวิชชา ความไม่รู้ เป็นต้น ได้ค่อยๆ พ้นจากกิเลสไปตามลำดับ ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูกของตนเอง จากการที่ได้อาศัยคำจริงแต่ละคำที่พระองค์ทรงแสดง ซึ่งมีผู้ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง มากมายนับไม่ถ้วน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงหลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวงแล้ว และทรงมีพระมหากรุณาเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ด้วยการทรงแสดงพระธรรม ไม่ว่าผู้นั้นจะอยู่ไกลแสนไกลเพียงใด แต่เพื่อประโยชน์กับผู้นั้น พระองค์ก็เสด็จไปทรงแสดงพระธรรม เพื่อเขาจะได้รับสิ่งที่มีค่าที่สุดในสังสารวัฏฏ์ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก และพระธรรมก็ดำรงสืบทอดมาจนถึงสมัยปัจจุบันนี้ ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากพระธรรม ต้องเป็นผู้เห็นประโยชน์ เห็นคุณค่าของคำจริงแต่ละคำที่พระองค์ตรัส ซึ่งยากที่จะได้ฟังและยากที่จะเข้าใจ แต่ไม่เหลือวิสัย เพราะสามารถฟัง ศึกษา แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้นได้

การฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้เราได้ยินได้ฟังสิ่งซึ่งเราไม่เคยได้ฟังมาก่อน ทำให้เริ่มเห็นประโยชน์ของการฟัง และรู้ว่าเหตุที่จะทำให้ปัญญาเกิด ก็คือการฟัง ด้วยความตั้งใจ ด้วยความละเอียดรอบคอบ เพราะผู้ที่เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่มีตัวตนที่จะไปทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะให้ปัญญาเกิด บังคับให้ปัญญาเกิดไม่ได้ ต้องฟัง ต้องศึกษา เท่านั้น สำหรับผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ก็จะเห็นได้ว่า ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ เมื่อฟังบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ให้เวลากับสิ่งที่มีค่าที่สุด ความรู้ความเข้าใจถูก ก็ย่อมจะเจริญเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา จนกว่าจะถึงความสมบูรณ์พร้อมในที่สุด เพราะการที่สัตว์โลกจะถึงความเป็นผู้บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสได้นั้น ไม่ใช่ด้วยทรัพย์ หรือด้วยชาติกำเนิด แต่ต้องด้วยการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น เมื่อได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว ย่อมเป็นผู้รู้ว่า สิ่งใดควรกระทำ สิ่งใดควรเว้น และสามารถเป็นคนดีทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ จนกระทั่งเป็นผู้หมดจดจากกิเลสได้ในที่สุด ด้วยปัญญา มีปัญญาเป็นเครื่องนำทางชีวิตให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควร เป็นไปในคุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งจะกล่าวได้ว่า กิเลสทั้งหลายที่มี ที่สะสมมาอย่างยาวนานในสังสารวัฏฏ์ สามารถหมดสิ้นไปได้เพราะได้อาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุคคลผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงได้ชื่อว่า ผู้รู้ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำเนินไปดี ด้วยหนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีสำหรับพุทธบริษัทในยุคนี้สมัยนี้ว่า ขณะนี้ทุกคนกำลังเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากพระธรรมบ้างหรือยัง? ซึ่งควรจะเป็นผู้ได้เห็นประโยชน์ของพระธรรมอย่างแท้จริง เพราะพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา นั้น ทุกคำเป็นไปเพื่อปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก โดยตลอด ทำให้ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา มีความเข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริง ในสิ่งที่พระองค์ทรงแสดง ไปตามลำดับ และผลสูงสุดของการอบรมเจริญปัญญา คือ สามารถดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้ในที่สุด ซึ่งจะต้องมีการเริ่มต้น เพราะถ้าไม่เริ่มต้นฟังพระธรรม ไม่มีทางที่ปัญญาจะเจริญเพิ่มพูนขึ้นได้เลย จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังแต่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อไปดี ซึ่งแต่ละคำกำลังเป็นหนทางไปที่ดีจนกระทั่งสามารถที่จะรู้ได้ว่าทางนี้เป็นทางดีจริงๆ เพราะสามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏขัดเกลาละคลายความไม่รู้ ความเห็นผิด และกิเลสทั้งหลาย จนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จไปดีแล้วอย่างแท้จริง ด้วยการอาศัยคำจริงซึ่งเป็นคำอุปการะเกื้อกูลที่เกิดจากพระปัญญาตรัสรู้ของพระองค์.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 17 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ