[คำที่ ๔๑๕] สทฺธมฺมสฺสวน

 
Sudhipong.U
วันที่  8 ส.ค. 2562
หมายเลข  32535
อ่าน  357

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “สทฺธมฺมสฺสวน”

คำว่า สทฺธมฺมสฺสวน เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง [อ่านตามภาษาบาลีว่า สัด - ดำ - มัด – สะ - วะ - นะ] มาจากคำว่า สทฺธมฺม (คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อสงบจากกิเลส, คำสอนของผู้สงบจากกิเลส) กับคำว่า สวน (การฟัง) [ซ้อน สฺ] รวมกันเป็น สทฺธมฺมสฺสวน แปลว่า การฟังพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นไปเพื่อความสงบจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวง เป็นเหตุที่สำคัญยิ่งที่จะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่งปัญญาอย่างแท้จริง เพราะเหตุว่า บุคคลผู้ที่เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องได้ฟังและเข้าใจในคำจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไปทำอย่างอื่นด้วยความเป็นตัวตน ด้วยความอยากความต้องการ ทำตามๆ กันไปด้วยความไม่รู้ นั่นไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้นได้เลย

ข้อความในพระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ธัมมัสสวนสูตร ได้แสดงถึงอานิสงส์ (ผล) ในการฟังพระสัทธรรมหรือพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไว้ดังนี้ ว่า

“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน? คือ ผู้ฟังย่อมได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๑ ย่อมเข้าใจชัดในสิ่งที่ได้ฟังแล้ว ๑ ย่อมบรรเทาความสงสัยเสียได้ ๑ ย่อมทำความเห็นให้ตรง ๑ จิตของผู้ฟังย่อมผ่องใส ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในการฟังธรรม ๕ ประการนี้แล”


คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ เป็นคำจริง เป็นคำหวังดี เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลให้ผู้ฟังผู้ศึกษาได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง กัลยาณมิตรสูงสุด ก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำจริงที่พระองค์ทรงแสดงนั้น ไม่ได้หวังให้ใครเข้าใจผิด แต่พระองค์ทรงแสดงพระธรรมโดยนัยต่างๆ มากมายหลากหลาย โดยประการทั้งปวง ที่จะทำให้ผู้ฟังผู้ศึกษาได้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นพระธรรมที่เป็นไปเพื่อความสงบจากกิเลสโดยประการทั้งปวง จึงเรียกว่า พระสัทธรรม คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดนำไปสู่การที่จะดับกิเลสให้ถึงความเป็นผู้สงบอย่างแท้จริง ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากคำสอนที่เกิดจากการทรงตรัสรู้ของพระองค์ที่พระองค์ทรงแสดงแก่สัตว์โลก ให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง ประโยชน์อยู่ที่ผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาเป็นสำคัญ เพราะถ้าไม่มีการฟังพระธรรมด้วยความเคารพ ละเอียดรอบคอบ ย่อมไม่มีทางที่จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกเกิดขึ้นเป็นไปได้เลย

พระสัทธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เกิดจากการที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาถึง ๔ อสงไขยแสนกัปป์ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานมาก การทรงแสดงพระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จอุบัติขึ้นในโลก ก็เพื่อเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ให้เป็นผู้หลุดพ้นจากกองทุกข์และกิเลสทั้งปวงด้วยการทรงแสดงพระธรรม ประกาศความจริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์เหมือนกันทั้งหมด บุคคลผู้ที่สนใจใส่ใจที่จะฟังพระธรรม ก็มีเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น บุคคลผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั้น ต้องเป็นผู้เคยเห็นประโยชน์ของพระธรรมมาแล้ว เป็นผู้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว จึงตั้งใจฟัง ตั้งใจศึกษา พิจารณาไตร่ตรองด้วยความละเอียด ไม่ประมาทในพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ

พระสัทธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา นั้น ประกอบด้วยเหตุและผล เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม เป็นไปเพื่อปัญญา เป็นไปเพื่อการขัดเกลาละคลายกิเลส โดยตลอด บุคคลผู้ที่ไม่มีปัญญา ไม่เคยสะสมการได้ยินได้ฟังพระธรรมมาก่อน ย่อมไม่เห็นประโยชน์ของพระธรรมที่มีคุณค่ามากนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้แนะนำในสิ่งที่ดีมีประโยชน์แก่เขาอย่างไรก็ตาม เขาย่อมไม่เห็นคุณค่า ไม่เห็นประโยชน์ เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

ถ้าไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาพระสัทธรรม ความเข้าใจที่ถูกต้อง ย่อมเกิดไม่ได้ เมื่อไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นเหตุทำให้เป็นผู้มีความเห็นผิด คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เมื่อเห็นผิด การปฏิบัติก็ผิด ทุกอย่างผิดไปหมด ที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่ง คือ ตนเองมีความเห็นผิดแล้ว ยังชักชวนให้ผู้อื่นมีความเห็นผิดตามไปด้วย เผยแพร่ความเห็นที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ยิ่งจะทำให้ผู้อื่นเกิดความเห็นผิดเพิ่มมากขึ้น ทำให้ชนหมู่มากออกจากพระสัทธรรม ไปตั้งอยู่ในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ย่อมประสบสิ่งที่ไม่ใช่บุญเป็นอันมาก ไม่เป็นประโยชน์แก่ใครๆ เลย ทั้งสิ้น ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว จิตใจย่อมเสื่อมจากคุณธรรม เสื่อมจากความดีทุกประการ ในทางตรงกันข้าม ถ้าพุทธบริษัทศึกษาพระธรรม ด้วยความเคารพ ละเอียดรอบคอบ ก็ย่อมจะทำให้มีความเข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้องไปตามลำดับ เมื่อมีความเห็นถูก กาย วาจา ใจ ก็จะเป็นไปในทางที่ถูกยิ่งขึ้น มีปัญญาเป็นเครื่องนำทางชีวิตไปสู่คุณความดีทั้งปวง และเพราะมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็สามารถกล่าวความจริงเกื้อกูลบุคคลอื่นให้ตั้งอยู่ในความเห็นถูกด้วย ผู้ที่ได้รับการเกื้อกูลก็จะค่อยๆ ได้เริ่มสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ไปทีละเล็กทีละน้อย เป็นประโยชน์ทั้งในชาตินี้และสะสมเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้าด้วย

การที่จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตรงตามความเป็นจริง มีหนทางเดียวเท่านั้นจริงๆ คือ ต้องศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพ ละเอียด รอบคอบ บุคคลผู้ที่ไม่ศึกษาพระธรรมแล้วคิดว่า จะเข้าใจพระธรรมได้โดยไม่ศึกษา หรือ คิดว่าไปทำอย่างอื่น ไปทำอะไรตามๆ กันตามที่คนหมู่มากกระทำกัน เช่น ไปนั่งนิ่งๆ แล้วปัญญาจะเกิดเอง เป็นต้น ผู้นั้นก็เป็นผู้ประมาทพระปัญญาคุณของ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงความจริงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง ด้วยเหตุนี้แต่ละคนจึงต้องเป็นผู้ตรงต่อพระธรรม และมีความจริงใจต่อการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกขัดเกลาละคลายกิเลสของตนเอง เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตที่มีประโยชน์สูงสุดซึ่งจะติดตามไปได้ คือ ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะว่า ตั้งแต่เกิดมาอาจจะมีทรัพย์สมบัติ มีรูปสมบัติ มียศ มีบริวาร มีทุกอย่าง แต่ปัญญามีหรือไม่ เพราะทรัพย์สมบัติต่างๆ เหล่านั้นติดตามไปในภพหน้าไม่ได้ แต่ปัญญาที่มาจากการได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมสามารถที่จะสะสมสืบต่อในจิตที่จะทำให้มีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรมแล้วเกิดความเห็นถูกขึ้นต่อไปได้ ที่สำคัญที่สุด คือ ตั้งต้นฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ให้เวลากับสิ่งที่มีค่าที่สุด.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 19 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ