ไม่สดชื่น เซ็ง
ฟังธรรมทุกวัน แต่ก็ยังจิตใจไม่ดี มีความรู้สึกเบื่อๆ ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ไม่อยากทำอะไรเลย เป็นกิเลสตัวไหนคะ แล้วควรเจริญเหตุอย่างไรคะ อาการจิตหดหู่ ไม่สดชื่น ไม่เบิกบานในการใช้ชีวิต จึงจะเบาบางลง ขอบพระคุณค่ะ (บางทีได้ยินเสียงอาจารย์บอกไม่ใช่เราเป็นอนัตตาบังคับไม่ได้ ก็ดีขึ้นบ้าง แต่พอเจอปัญหาก็หดหู่อีก ตัวตนเยอะค่ะ)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง เป็นธรรมไม่ใช่เรา และเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม สภาพธรรมนั้นก็เกิดได้ แม้ความเบื่อ ครับ
ความเบื่อ ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง นั่นก็คือ โทสะ ขณะที่เบื่อ ก็เกิดโทสะไม่พอใจใน สิ่งนั้น จึงเปลี่ยนไปทำ ไปชอบสิ่งใหม่ ซึ่งสาเหตุ ก็ไม่ได้มาจากอื่นไกล ก็เพราะอาศัยกิเลส คือ โลภะที่เกิดขึ้น ที่เป็นผู้ที่มีความติดข้องมาก ก็ทำให้เบื่อได้ง่าย ในอารมณ์นั้น หากเป็นผู้ที่ไม่มีโลภะเลย จะเบื่อได้อย่างไร
สมดังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เทวดาทูลถามพระพุทธเจ้าว่า พระองค์ไม่ทรงเบื่ออะไรบ้างหรือ พระพุทธเจ้าตรัสว่า เรายินดีเพลิดเพลินอะไร จึงเบื่อเล่า นี่แสดงให้เห็นว่า เพราะอาศัยกิเลส คือ โลภะ ทําให้เป็นผู้ที่เกิดความเบื่อหน่าย ยิ่งติดข้อง เบื่อหน่าย ก็เบื่อได้ง่ายเช่นกัน เพราะโลภะเป็นปัจจัย ให้เกิดโทสะครับ และที่สำคัญที่สุด กิเลสที่เป็นต้นเหตุของอกุศลทุกประการ แม้แต่ความเบื่อ ก็คือ อวิชชา ความไม่รู้ ที่ทำให้มีความยินดีพอใจ ในสิ่งต่างๆ และ เมื่อไม่ทำให้เกิดความยินดีแล้ว ก็ทำให้เกิดความเบื่อตามมาด้วยครับ
ดังนั้น หนทางที่ถูกคือเข้าใจสิ่งที่เกิดแล้ว เพราะไม่สามารถบังคับได้ว่าอย่าให้เบื่อเพราะเกิดแล้ว เพราะสะสมกิเลสมามาก เป็นธรรมที่ทำหน้าที่ ก็ค่อยๆ เข้าใจถูกว่าแม้เบื่อก็เป็นธรรมและเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา นี่คือ หนทางละความเบื่อและเป็นหนทางละกิเลสที่แท้จริง ครับ
ขออนุโมทนา
กราบขอบพระคุณท่านอย่างสูงค่ะ สะสมกิเลสมามาก ติดข้องมาก ทำตามใจกิเลสมามาก อวิชชามาก มีตัวตนมาก สะสมพระธรรมและทำความเข้าใจได้เพียงน้อยนิด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตประจำวัน ก็ส่องให้เห็นถึงความเป็นจริงของสภาพธรรม ไม่ต้องไปแสวงหาธรรมที่ไหนเลย อกุศล ก็เป็นธรรม เพราะมีจริงๆ และ สะสมอกุศลมามากเพียงใด แม้จะได้ฟังพระธรรมมาบ้าง อกุศลก็ยังเกิดขึ้นเป็นไป นั่นคือ ความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นความจริงทุกประการ พร้อมทั้งมีความละเอียด ลึกซึ้ง ลุ่มลึก ยากที่จะเข้าใจตามความเป็นจริงได้ ผู้ที่ไม่ได้สั่งสมกุศลไว้ ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ให้ความสำคัญ ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ และ เป็นที่พึ่ง สำหรับบุคคลนั้นไม่ได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้สะสมกุศลอบรมเจริญปัญญามา ก็ไม่เหลือวิสัยที่จะศึกษา ที่จะฟังจนกระทั่งมีความเข้าใจถูก เห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงได้ เพราะยาก และลึกซึ้ง จึงต้องตั้งใจฟัง ตั้งใจศึกษาต่อไปอย่างไม่ท้อถอย หรือถ้ายังท้อถอย หดหู่ ไม่สดชื่น เซ็ง เบื่อ อยู่ ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ห้ามไม่ได้ ถ้าได้ศึกษาก็จะทำให้ได้ทราบว่า ผู้ที่ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ นั้น กว่าที่ท่านจะได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล ท่านก็ได้สะสมกุศล สะสมการสดับตรับฟังพระธรรมมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ทั้งนั้น แล้วเราฟังมานานเท่าไหร่? จึงต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ ฟังธรรมะอย่างตั้งใจและไตร่ตรองทุกๆ คำ ฟังบ่อยๆ และซ้ำๆ จนเข้าใจจริงๆ ว่า "ไม่มีเรา มีแต่ธรรมะ และธรรมะก็เป็นอนัตตา" วันนึงได้พบกับสถานการณ์ที่ทำให้ใจหดหู่ หรือท้อขึ้นมา เมื่อสติระลึกรู้ความเป็นธรรมะ อกุศลจะค่อยๆ ละคลาย สั้นลงไป ปัญญาจักนำไปในกิจที่ชอบ