พากันดีขึ้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาพิเศษ
เรื่อง “เข้าใจธรรม กับ ระเบียบประเพณี” (ต่อ)
ที่บ้านคุณทักษพล – คุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
(ทีมงานอาสาสมัครบันทึกภาพวีดีโอสนทนาพิเศษในวันนี้)
~ ก่อนอื่น ต้องทราบว่า มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ไม่สนับสนุนความไม่รู้ นี่คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้น การที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือว่ารู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ง่ายเลย เพราะพระองค์ทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ว่าพอตรัสอะไรคนก็เข้าใจได้หมดเลย ถ้าอย่างนั้นใครๆ ก็พูดกันแล้วก็เข้าใจกันไปเลย แต่นี่ แต่ละคำ ไม่รู้ธรรม แต่จะปฏิบัติธรรมได้ไหม? ไม่ใช่ตามๆ กันไป จะไปปฏิบัติธรรม แต่รู้ธรรมหรือยังว่าธรรมคืออะไร? เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่รู้อยู่ ก็เท่ากับว่าไม่ได้ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วไปปฏิบัติธรรมที่ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้รู้ ไม่ใช่สอนให้ไม่รู้
~ (เหตุที่ไม่มีสำนักปฏิบัติในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอะไร?) พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมให้เข้าใจ เพราะฉะนั้น ทรงแสดงทุกคำ แม้แต่สำนักคืออะไร ปฏิบัติคืออะไร ไม่ใช่ให้ไปทำ แต่ว่าให้เข้าใจแต่ละคำที่พระองค์ทรงแสดงความจริงของสภาพธรรมที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ว่าไม่ใช่เรา แล้วก็เป็นธรรม คือ สิ่งที่มีจริง ที่ถ้าไม่เกิดก็จะไม่มี เดี๋ยวนี้ ธรรมอยู่ไหน จะไปปฏิบัติธรรม ตอบได้ไหม? เพราะฉะนั้น ก็ควรจะมาที่ “แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร?” จะได้เข้าใจคำของพระองค์ ไม่ใช่คำที่คิดเองหรือคำของคนอื่น
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าขณะนี้ไม่มีเรา ธรรมคือสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่เรา ต้องมั่นคงว่าไม่ใช่เรา
~ ต้องรู้ตั้งแต่ในขณะนี้ว่า อะไร ไม่ใช่เรา ฟังทุกคำ ก็ต้องเข้าใจว่า พระองค์ทรงหมายความถึงอะไร? ไม่มีเรา มีแต่สิ่งที่มีลักษณะของสภาพธรรมนั้นปรุงแต่งให้เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เรา เพราะอะไร? เกิดแล้วก็ดับไป เร็วสุดที่จะประมาณได้ เราอยู่ไหน? นี่คือฟังให้เข้าใจ จะได้รู้ว่าไปปฏิบัติธรรมที่ไหนอย่างไรถึงจะรู้อย่างนี้ได้ แต่กำลังฟังอย่างนี้แหละ จะค่อยๆ ไตร่ตรองพิจารณา ก็สามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง กว่าจะตรัสรู้ถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้ความจริงที่ตรัสทุกคำให้เราได้ฟัง ทรงบำเพ็ญพระบารมีมานานเท่าไหร่ ถ้าง่ายๆ ก็ไม่ต้องทรงบำเพ็ญบารมีนานอย่างนั้น
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจเลย จะรู้อะไรถึงขั้นที่จะประจักษ์แจ้งความจริงตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจากการทรงตรัสรู้ เพราะฉะนั้น คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดที่ว่า ถ้าใครก็ตามนับถือพระพุทธศาสนาแล้วปราศจากความเข้าใจแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่าหวังเลยว่าที่จะได้รู้อะไร ที่จะไปสำนักปฏิบัติ เพราะไม่รู้ ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ พยายามให้ปฏิบัติได้ไหม? ทำไมไม่คิดว่าธรรมคืออะไร? เป็นสิ่งที่มีจริงแน่นอน แต่ไม่มีใครไปทำให้เกิดขึ้น ทุกคนเกิดมา ไม่ได้เลือกมาก่อนว่าจะเป็นคนนี้ในชาตินี้ แต่มีเหตุที่จะให้เกิดเมื่อไหร่ ไม่เกิด ไม่ได้ ต้องเกิดตามเหตุตามปัจจัย ใครว่าไม่จริง? คือ ฟังแล้วไม่ใช่เชื่อ แต่ไตร่ตรองจนกระทั่งรู้ ว่า ความจริงเป็นอย่างไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงเพราะฉะนั้น ไม่ใช่เราปฏิบัติ แต่ปัญญาที่ได้เข้าใจธรรม (ปฏิบัติ)
~ น่าเสียดายเงินทองของประเทศชาติที่ควรจะเป็นประโยชน์มากมาย ก็เสียไปโดยการที่เพื่อไม่รู้ยิ่งขึ้น (เช่น สร้างสำนักปฏิบัติ เป็นต้น)
~ กำลังพ้นจากความไม่ดี เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมยิ่งขึ้น นี่คือ การทำสิ่งที่ดีที่สุดตอบแทนพระศาสนา ต้องพูดสิ่งที่ถูกต้องและช่วยให้คนอื่นเข้าใจถูก จากที่เคยไปทำให้เขาเข้าใจผิดมามาก ต่อไปนี้ ก็คือ มีพระธรรมเป็นที่พึ่งจริงๆ ไม่เดือดร้อนเลย แล้วอะไรจะเป็นที่พึ่งที่ประเสริฐกว่าพระธรรม เพราะฉะนั้น ไม่หวั่นไหวเลย ทั้งโลกจะไม่ชอบ ก็เป็นเรื่องของคนอื่น เกิดมาคนเดียว เห็นคนเดียว ตายคนเดียว ถ้าเราเข้าใจความจริงมั่นคงขึ้น ไม่มีอะไรประเสริฐเท่ากับเข้าใจพระธรรมทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และประโยชน์สูงสุด คือ ช่วยให้คนอื่นเข้าใจถูกต้องด้วย
~ มั่นคงในความไม่ใช่เราและไม่มีเรา ซึ่งเราพูดอยู่เสมอ ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แต่เราก็ลืมไป ว่า อนัตตา ก็คือ ไม่มีเรา ไม่ใช่เรา
~ เมื่อมีปัญญาเกิดขึ้น ปัญญาที่ค่อยๆ มี ก็จะสะสมให้เป็นคนดีขึ้น แล้วก็ช่วยคนอื่นให้ค่อยๆ ดีได้ด้วย เพราะมีความเข้าใจที่ถูกต้อง พากันดีขึ้น
~ ที่เคยเข้าใจผิด ก็ล้าง เอาความเข้าใจผิดออกไป ซึ่งควรที่จะล้างความเข้าใจผิด เพราะอะไร? เพราะมีความเข้าใจผิดตั้งแต่เกิด ความเข้าใจผิด ความไม่รู้ความจริงมีมานานแสนนานทุกขณะจนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งกำลังล้างสิ่งที่ผิดออก ด้วยความเข้าใจ ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง อะไรจะไปลบล้างความเห็นผิดได้ ทรัพย์สมบัติ ก็ (ลบล้างความเห็นผิด) ไม่ได้ ยาวิเศษ ก็ (ลบล้างความเห็นผิด) ไม่ได้ มีอย่างเดียว คือ คำของพระองค์ ที่ทุกคำทำให้เกิดความเข้าใจถูกขึ้น เพราะฉะนั้น เราก็ล้างของเรา แล้วก็ช่วยล้างให้คนอื่นด้วย ล้างด้วยความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ไม่ใช่ความเข้าใจผิด
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระมหากรุณาให้โอกาสเสมอ ให้ได้ฟังคำซึ่งจะเตือนใจให้เขาสามารถที่จะพิจารณาว่าเขาทำผิดหรือเปล่า? สิ่งใดเป็นกุศล สิ่งใดเป็นอกุศล เพื่อการที่จะได้ทำใหม่ หมายความว่า เปลี่ยนจากความไม่รู้ เป็นการค่อยๆ รู้ขึ้น เพราะว่า เมื่อมีความเข้าใจถูกต้อง การพูด การทำ และความเข้าใจ ก็ถูกด้วย
~ ทุกคนยังมีโอกาส (ที่จะเห็นถูก) ตราบใดที่ยังมีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้โอกาสที่จะได้พิจารณาว่านี่เป็นคำของพระองค์ ด้วยพระมหากรุณาให้ไตร่ตรอง ก็สามารถที่จะเปลี่ยนจากที่เคยเห็นผิดมาเป็นความเห็นถูก
~ แก้คนอื่นไม่มีทาง ต้องไม่ลืม ต้องแก้ตัวเองจากความที่ไม่รู้ได้เห็นผิดมานาน เมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นผิด เคยทำผิดมา ก็แก้ด้วยความเข้าใจถูกยิ่งขึ้น และพยายามที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น เราก็เห็นประโยชน์อย่างนี้ คือ ทุกคนต้องแก้ตัวเอง เราก็พยายามที่จะศึกษาธรรมให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องมั่นคงขึ้นในพระธรรม และก็มีการที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย ถ้ามีความเข้าใจอย่างถูกต้องมั่นคงมากขึ้นๆ ก็จะเป็นประโยชน์ทุกทาง
~ ต้องไม่ลืมเลยว่าทุกคนกำลังจะตาย ไปเยี่ยมคนไข้หนัก คิดว่าเขากำลังจะตาย แต่ความจริงทุกคนเลย กำลังจะตาย ซึ่งไม่มีการรู้ล่วงหน้าเลยว่าใครจะตายก่อนเมื่อไหร่ที่ไหนอย่างไร แต่ทุกคนกำลังจะตายแน่นอน พอถึงเวลานั้นก็ตายแน่ๆ ใช่ไหม? แต่เดี๋ยวนี้ยังไม่ใช่ขณะนั้น ก็ต้องเป็น... ทุกคนก็กำลังจะตาย ก่อนตายจะทำอะไรดี เพราะฉะนั้น ลองคิด โอกาสสุดท้ายที่จะมีชีวิตอยู่เป็นคนนี้อีกต่อไปซึ่งใกล้เข้ามาทุกที เพราะทุกคนกำลังจะตาย ถ้าเห็นว่าสิ่งใดมีประโยชน์ที่สุด มั่นคง ก็จะทำสิ่งนั้น ไม่ทำสิ่งอื่น เพราะฉะนั้น ฟังธรรม ศึกษาธรรม สนทนาธรรม ให้คนอื่นเพิ่มความเข้าใจถูก เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในชีวิตยิ่งกว่าอย่างอื่น เพราะฉะนั้น เมื่อกำลังจะตาย ก็ทำสิ่งนี้เถอะ
~ สิ่งสำคัญ คือ เข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ถูกต้อง เป็นประโยชน์ที่สุด ต้องเข้าใจขึ้น ละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น จึงจะค่อยๆ ละความเป็นเรา จนกว่าจะหมดไม่เหลือความเป็นเราเลย
~ ไม่มีใครสามารถทำอะไรดลบันดาลอะไรให้เกิดได้เลยทั้งสิ้น
~ ต้องรู้จริงๆ ว่า ความไม่รู้ เป็นเหตุของความไม่ดีและความทุกข์ทั้งหลาย และความรู้ความเข้าใจถูกต่างหากที่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล เพราะฉะนั้น ความรู้นั่นแหละก็เลือกทางที่ถูกต้อง เห็นโทษของความไม่ดี ก็จะไม่ประพฤติไม่ดี ไม่ว่ากาย วาจา ทุจริตใดๆ ทั้งหมด ก็จะค่อยๆ เบาบางลง
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ต้องรู้จริงๆ ว่า ความไม่รู้ เป็นเหตุของความไม่ดีและความทุกข์ทั้งหลาย และความรู้ความเข้าใจถูกต่างหากที่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล เพราะฉะนั้น ความรู้นั่นแหละก็เลือกทางที่ถูกต้อง เห็นโทษของความไม่ดี ก็จะไม่ประพฤติไม่ดี ไม่ว่ากาย วาจา ทุจริตใดๆ ทั้งหมด ก็จะค่อยๆ เบาบางลง
กราบบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอ.คำปั่นค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบบุชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
อนุโมทนาในกุศลวิริยะของอาจารย์คำปั่น และทุกท่าน
กราบแทบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่งเหนือเกล้า
กราบอนุโมทนากับอาจารย์คำปั่นและทีมงานของ มศพ ทุกท่านค่ะ