กำจัดความมืดคืออวิชชาด้วยสัมมาทิฏฐิ

 
unnop.h
วันที่  24 ส.ค. 2563
หมายเลข  32685
อ่าน  1,087

* ข้อความในพระไตรปิฎก มีว่า

- อวิชชา ชื่อว่า ตมะ คือ ความมืด

- อวิชชา ทำให้มืดมิด ลุ่มหลง มีภัยมาก

- ไปด้วยอวิชชาคือประกอบด้วยความไม่รู้ ไม่มีญาณ เป็นผู้มืดดังคนตาบอด

* อวิชชาคือความไม่รู้ สภาพธรรมคือโมหเจตสิก เป็นอกุศลเจตสิกที่เป็นต้นตอของอกุศลธรรมทั้งหลาย

* เมื่ออวิชชาคือโมหะ เกิดกับจิตขณะใด ย่อมปรุงแต่งให้จิต (และเจตสิก) ที่เกิดร่วมกันในขณะนั้น เป็นไปด้วยความมืด ความหลง เพราะไม่เข้าใจลักษณะของธรรมคือสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง

* ดังนั้น ในชีวิตประจำวัน ซึ่งมากไปด้วยอกุศล จึงเป็นไปด้วยอวิชชา เหมือนคนตาบอด เพราะแม้จะมีสิ่งที่ปรากฏกับจิต แต่ก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจตามความเป็นจริงเลย และยังสามารถเป็นเหตุให้ประพฤติทุจริตต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดทุกข์ โทษ ภัย ต่อไปได้

* ขณะที่อวิชชาเกิด นอกจากจะมืดแล้ว ยังถูกใส่เข้าไปในกรงกิเลสอีกด้วย เพราะในขณะจิตที่มีโมหะเกิด ก็จะมีกิเลส เช่น อหิริกะ (ความไม่ละอายต่อความเป็นอกุศล) อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงต่อความเป็นอกุศล) อุทธัจจะ (ความไม่สงบ) เป็นต้น และกิเลสทั้งหมด ที่เกิดในขณะนั้น จิตใจจึงเป็นไปกับกิเลสอกุศลต่างๆ

* ข้อความในพระไตรปิฎกมีว่า "กำจัดความมืดคืออวิชชาด้วยสัมมาทิฏฐิ" ก็คือความเห็นถูก ซึ่งก็คือปัญญา (วิชชา) ที่เข้าใจลักษณะของธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริงในขณะนี้ เป็นหนทางเดียวที่จะขจัดความไม่รู้และกิเลสอกุศลทั้งหลายต่อไป


โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สิริพรรณ
วันที่ 24 ส.ค. 2563

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า


ทุกครั้งที่ได้ฟังคำจริง ทุกประโยคที่ทำให้เกิดความรู้เรื่องราวของสิ่งที่มีจริง ทุกคำที่ทำให้ได้ไตร่ตรอง สะสมความเข้าใจความจริงเพิ่มขึ้น แม้เกิดทีละน้อยๆ ๆ แต่มีคุณค่ามหาศาล

จึงขออนุญาตแบ่งปันคำที่มีคุณค่าจากปัญญาผู้เป็นท่านอาจารย์ของศิษย์ เพื่อบูชาพระคุณพระรัตนตรัย ค่ะ

🍄 ฟังพระธรรมเพื่อละความไม่รู้ ธาตุเห็นกำลังมีเดี๋ยวนี้ แต่ไม่รู้ ถ้าไม่เข้าใจแล้วจะไปปฏิบัติ คารพคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่

🍄 ความไม่รู้ความจริงสามารถจะค่อยๆ หมดไปได้เมื่อค่อยๆ รู้ความจริง ฟังเรื่องธรรม แต่ยังไม่รู้จักธรรม ทั้งๆ ที่อยู่ตรงนี้ ใกล้ที่สุด ถูกปกปิดมานานแสนนาน ต้องมั่นคงว่ามีจริงแต่ไม่ใช่เรา ค่อยๆ รู้จักด้วยการค่อยๆ รู้ตรงในสิ่งนั้น ไม่รู้ความจริงของสิ่งนั้น จึงหลงคิดว่าเป็นเรา เป็นผู้ตรงของความจริง จึงจะเป็นสัจจะบารมี ตรงว่า ปริยัติไม่ใช่ปฏิบัติ

🍄 ความต้องการปิดบังสภาพธรรมที่มีจริงที่กำลังเกิดดับ
จะรู้เพราะความอยาก ได้หรือ?

🍄 สิ่งที่ปรากฏทางตากระทบทีละหนึ่งๆ แล้วจะเป็นคนได้หรือไม่

🍄 เรื่องของจิตพอจะรู้ได้ แต่มีจิตก็ไม่ปรากฏให้รู้เลย ฟังก็ให้รู้ด้วยว่า แม้มีเดี๋ยวนี้ก็ไม่รู้ จึงต้องฟังต่อไป

🍄 ทำไมรู้ว่ามีแข็ง เพราะแข็งปรากฏ


🍄 ฟังเพื่อเข้าใจ อย่างละเอียดขึ้นๆ ๆ ๆ ต้องถึงตรงรู้สภาพนั้นจริงๆ

🍄 แต่ละอย่างเกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่กลับมาอีกเลยไม่ว่าภพชาติไหนๆ ในสังสารวัฎฎ์
รู้ความจริงว่า สิ่งที่มีแล้วค่อยๆ หมดไปนั่นแหละ ทำให้ค่อยๆ เบาขึ้น

🍄 รู้จักคุณ ก.ไก่ ไม๊คะ
รู้เรื่องคุณ ก. ไก่ แล้วตอนนี้ คุณก. ไก่ อยู่ไหน

🍄 สภาพที่พิจารณา ยังเป็นเรา ใช่ไหม ฟังธรรมด้วยความเป็นเราที่จะรู้ แสวงหางูพิษ ก็ไม่รู้ ทรงจำแนกธรรมเพื่อให้รู้ว่า ไม่ใช่เรา สิ่งที่เกิดแล้วดับ จะเป็นเราได้อย่างไร

🍄 มีแต่ความรู้ความเข้าใจเท่านั้นที่จะค่อยๆ รู้ ขณะที่เข้าใจนั่่นแหละ ค่อยๆ ละความเป็นเรา
🍄 สิ่งทีปรากฏ เกิดแล้วดับเร็วที่สุด สุดที่จะประมาณได้ แล้วมีบ้านไหม ถ้าไม่คิดเรื่องบ้าน จะมีบ้านไหม จำไว้ว่ามีทุกอย่าง แต่จริงๆ แต่ะละหนึ่ง เกิดแล้วดับแล้ว

🍄 กรงแสนใหญ่ แล้วก็มืดสนิทจะออกได้ไหมคะ ไม่รู้ว่าอยู่ในกรงและมืด จะคิดออกจากกรงไหม จะออกจากรง ต้องเริ่มเห็นโทษก่อน แล้วหาผู้รู้ที่จะชี้ทางออกจากกรง เมื่อสว่างจึงค่อยๆ เห็นทางออกด้วยคำแต่ละคำของพระพุทธองค์ ด้วยคำว่าไม่มีเรา มีแต่ธรรม

🍄 ละความไม่รู้ และความติดข้อง ถ้าไม่รู้ความจริงว่า ที่ปรากฏเดี๋ยวนี้ เป็นนิมิตของการเกิดดับแต่ละหนึ่งจะละความติดข้องได้ไหม

🍄 เห็นคนเดินมาลิบๆ รู้ได้ไหมว่าเขาเป็นใคร ฉะนั้น ปัญญาจึงมีหลายระดับ
เพราะฉะน้้น ปัญญาต้องเกิดจากเห็นทีละน้อยๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น

🍄 ความเป็นเราละเอียดและลึกมาก ไม่ว่าอะไรที่ลึก ไม่เท่ากับความลึกซึ้งของธรรม แต่ทรงแสดงให้ตื้นเพราะปัญญา ทรงบำเพ็ญพระมหากรุณาคุณเพื่อเราจะได้ฟังคำจริงที่ลึกซึ้งสุดจะประมาณ เห็นพระคุณไหมคะ ฟังต่อไป ฟังธรรม เพื่อเข้าใจธรรม ฟังธรรม เพื่อเข้าใจธรรมว่าไม่ใช่เรา

🍄 ขณะนี้กำลังฟังพระธรรม กำลังบูชาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า การฟังพระธรรมแล้วเข้าใจถูกต้อง ทุกครั้งที่เข้าใจ คือการบูชาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสูงสุด

กราบแทบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
กราบขอบพระคุณ และยินดีในกุศล อ.อรรณพ หอมจันทร์ และทุกท่านผู้เผยแพร่ข้อความคติธรรม ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 24 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
kullawat
วันที่ 25 ส.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 7 ธ.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบขอบพระคุณและยอนดีในกุศลทุกประการของ อ.อรรณพ ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ