ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๑

 
khampan.a
วันที่  30 ส.ค. 2563
หมายเลข  32715
อ่าน  1,393

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๑
* *



~
ประโยชน์สูงสุด คือ ได้เกิดมาเป็นบุคคลนี้แล้วได้เข้าใจธรรมและได้ทำดี เพราะเหตุว่า ประมาทไม่ได้เลย ขณะไหนไม่ดี ขณะนั้นเป็นอกุศล

~ ถ้าเป็นผู้ที่สามารถจะทำกุศลได้เร็วเท่าใด ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะเหตุว่าชีวิตแต่ละภพ แต่ละชาติก็สั้นมาก ไม่ทราบว่าชาติหน้าจะมาถึงเร็วหรือช้า เมื่อใด เกิดที่ไหน เป็นบุคคลใด มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมมีโอกาสที่จะได้เจริญกุศลอีกไหม

~ เกิดมาแล้ว คิดถูก รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด สมควรหรือไม่สมควร พูดถูกพูดสิ่งที่จริงและมีประโยชน์ แล้วก็ทำถูกต้องด้วย เกิดมามีประโยชน์มาก เพราะเหตุว่า ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น

~
มีกาย วาจา ไว้สำหรับทำอะไร? ไม่ควรที่จะมีไว้สำหรับเพื่อที่จะให้อกุศลเจริญขึ้น แต่ควรที่จะมีไว้สำหรับเจริญกุศลทุกประการซึ่งจะเป็นบารมี (ความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) สำหรับที่จะให้ดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด)

~ สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ มีทั้งกุศล มีทั้งอกุศล มีทั้งสิ่งที่ไม่ใช่ทั้งกุศลไม่ใช่ทั้งอกุศล ให้รู้ว่าไม่ใช่เรา สำคัญที่สุดคือเข้าใจถูกต้องว่าธรรมเป็นธรรม ไม่ใช่เรา

~ ที่ว่าชำระจิตให้บริสุทธิ์นั้น ไม่ใช่จิตของคนอื่น แต่เป็นจิตของตนเอง และชำระได้ด้วยความเข้าใจพระธรรม

~ ความหวังดี เป็นความหวังดี ขณะที่หวังดี ไม่เดือดร้อน แต่ขณะที่ไม่เป็นไปตามที่หวังดี ก็ต้องไม่เดือดร้อน เพราะเหตุว่า รู้ว่า ธรรม เป็น ธรรม ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลยทั้งสิ้น

~
จิตหนึ่ง เมื่อมีโอกาสได้ฟังธรรมเข้าใจขึ้น ขณะนั้น ธรรมนั้นแหละ รักษาจิตนั้น เพราะฉะนั้น จะเอายาอื่นมา ไม่มีทางเลย แต่ก่อนอื่น ขอให้ทราบว่า ใครจะเป็นคนดีสักเท่าไหรก็ตาม ถ้าไม่เข้าใจธรรม ดีไม่พอ จำได้เลย ดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ ถ้าเข้าใจอย่างนี้ จะเป็นคนดีขึ้นไหม?

~ พระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีค่าที่ประมาณไม่ได้เลย เพราะเหตุว่า เมื่อได้ยิน ได้ฟังแล้ว เป็นเหตุให้เกิดความเห็นถูกต้อง และเป็นประโยชน์จริงๆ เพราะเริ่มเห็นอกุศล โดยเฉพาะของตนเอง ใครจะแก้ให้เรา? ไม่มีทางเลย

~
ทุกท่านกำลังนั่งอยู่ที่นี่ ไม่มีเครื่องหมายที่จะให้รู้เลยว่า ชีวิตของใครจะอยู่ต่อไปถึงพรุ่งนี้ หรือว่าเดือนหน้า หรือว่าปีหน้า ไม่มีเครื่องหมายให้รู้ว่า จากที่นี้ไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น จะเป็นสุข หรือว่าจะเป็นทุกข์ จะประสบกับอิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่น่าปรารถนา) หรืออนิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา) จะมีอุบัติเหตุ หรือไม่มีอุบัติเหตุ ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ เพราะว่า ชีวิตไม่มีเครื่องหมาย ใครๆ ก็รู้ไม่ได้

~
เวลาที่สิ้นชีวิตไปแล้ว นอกจากจะเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ไปไม่ได้ ก็ยังเอาบุคคลทั้งหลายซึ่งเป็นที่รักทั้งหมดในโลกนี้ติดตามไปไม่ได้ แล้วก็จะเอาความทรงจำทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกนี้ไปด้วยไม่ได้ แม้แต่ความจำก็ไม่เหลือ เป็นบุคคลใหม่ทันที เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภพใหม่ ชาติใหม่ ก็เป็นบุคคลใหม่ เป็นเรื่องใหม่ ไม่เกี่ยวข้องผูกพันกับเหตุการณ์เก่าๆ ในโลกเก่า

~
เริ่มสะสมอุปนิสัยที่น่ารัก เป็นคนดี เป็นมิตร เป็นเพื่อนดีจริงๆ เกื้อกูลทุกโอกาส เพราะรู้ว่า ขณะใดที่กุศลไม่เกิด ขณะนั้น อกุศลเกิด

~
เกิดมา ด้วยความไม่รู้ จากโลกนี้ไป ด้วยความไม่รู้แล้วก็ชาติต่อไป ก็ไม่รู้ แล้วก็จากชาติต่อไป ก็ไม่รู้ เหมือนที่แล้วมา แต่ว่า เมื่อไหร่ ชาติไหน ที่มีโอกาสจะได้เริ่มเข้าใจสิ่งที่มีจริง ก็จะค่อยๆ สะสม เหมือนพระสาวกทั้งหลายในอดีต ท่านก็มาจากไม่เคยเข้าใจสิ่งที่มี จนกระทั่ง ได้ฟังพระธรรม จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง พระองค์ใด เข้าใจขึ้น ค่อยๆ สะสม

~ สิ่งที่ควรเจริญในชาตินี้ก็คือ ปัญญา เพราะเหตุว่า สิ่งอื่นไม่สามารถจะติดตามไปได้ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ ก็ติดตามไปไม่ได้ แต่ปัญญา ความเข้าใจพระธรรมจากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่ง ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

~ ปัญญา มีกิจที่ตรงกันข้ามกับอกุศล เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า เราทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าเรารู้กิจของปัญญา ปัญญาสามารถที่จะรู้ว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร เราก็จะอบรมเจริญปัญญา ให้ปัญญาเกิดขึ้นแล้วก็ทำกิจของปัญญาได้ แต่ถ้าปัญญาไม่เกิด แล้วจะอ้อนวอนขอให้เราเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ และอยู่ดีๆ ปัญญาก็เกิดไม่ได้ ต้องอบรมเจริญให้ค่อยๆ เกิดขึ้น

~ เกิดมาทั้งชาติ ทุกชาติๆ หวั่นไหวมากเหลือเกินในเรื่องสุขและทุกข์ จนกว่าจะถึงวาระที่ไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์ ก็ลองคิดดูว่า เมื่อไหร่จะถึงอย่างนั้นถ้าไม่ได้อบรมเจริญปัญญาจริงๆ

~ คิดด้วยความเมตตา ว่า บุคคลใดก็ตามที่ได้ทำอกุศลกรรมไว้แล้ว เมื่อถึงกาลที่อกุศลกรรมให้ผล ใครก็ช่วยไม่ได้ มารดาบิดาก็ช่วยไม่ได้ ญาติพี่น้องมิตรสหายก็ช่วยไม่ได้ ก็จะทำให้เรามีแต่การที่จะคิดเป็นมิตรและก็ช่วยเหลือคนอื่น

~ บวชเพื่อเข้าใจพระธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ถ้าไม่ใช่เพื่อเข้าใจพระธรรม การบวชไม่มีประโยชน์เลย เพราะเหตุว่าการบวชเพื่อขัดเกลากิเลสด้วยความเข้าใจพระธรรม ถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรม จะเอาอะไรมาขัดเกลากิเลส เอาความไม่รู้มาขัดเกลากิเลสไม่ได้ ที่จะขัดเกลากิเลสได้ ก็ต้องด้วยความเข้าใจพระธรรม

~ พระภิกษุ สำนึกได้ว่าเราไม่ใช่คฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น จะทำอย่างคฤหัสถ์ได้ไหม จะใช้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเครื่องประเทืองผิวเหมือนอย่างคฤหัสถ์ได้ไหม มีจิตคิดยินดีที่จะพอใจในสิ่งนั้นได้ไหม ก็ไม่ได้ เพราะก่อนจะบวชก็รู้อยู่แล้วว่าจะสละเพศคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น จะเป็นอย่างคฤหัสถ์ได้อย่างไร จะคิดอย่างคฤหัสถ์ได้อย่างไร จะทำอย่างคฤหัสถ์ได้อย่างไร ในเมื่อไม่ใช่คฤหัสถ์อีกต่อไปแล้ว

~ ถ้าการกระทำ นั้น ดี ไม่มีเลยที่จะให้ผลที่ไม่ดี แม้แต่คำพูดจริงที่ว่า “การเป็นพระภิกษุ เพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสในเพศบรรพชิตและต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย” ไม่ได้ผิดเลย พูดเพื่อประโยชน์ ถ้าเป็นประโยชน์ ควรพูด

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๐



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 30 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 30 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เจียมจิต
วันที่ 30 ส.ค. 2563

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
saman_pacific
วันที่ 30 ส.ค. 2563

อ่านช้าๆ อย่างละเอียดแล้ว เห็นว่า มีประโยชน์ เกื้อกูลแก่การเจริญปัญญา มาก

ขออนุโมทนา.

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natthayapinthong339
วันที่ 30 ส.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
panasda
วันที่ 30 ส.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
มกร
วันที่ 30 ส.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 30 ส.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สิริพรรณ
วันที่ 30 ส.ค. 2563

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

แต่ละประโยค แต่ละข้อความ ต้องอ่านช้าๆ พิจารณา เมื่อเข้าใจ จึงจะเป็นประโยชน์ เพราะเป็นคำที่ต้องไตร่ตรองด้วยความละเอียด จึงจะเห็นความละเอียดค่ะ

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบขอบพระคุณคณะวิทยากร มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาทุกท่าน

กราบขอบพระคุณและยินดีในกุศลธรรมทานกับท่านอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัยด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 31 ส.ค. 2563

ยินดีในกุศลจิต​ อ.คำปั่น​ ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Khemsai
วันที่ 31 ส.ค. 2563

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jaturong
วันที่ 1 ก.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
kukeart
วันที่ 2 ก.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
nattawan
วันที่ 4 ก.ย. 2563

สิ่งที่ควรเจริญในชาตินี้ก็คือ ปัญญา เพราะเหตุว่า สิ่งอื่นไม่สามารถจะติดตามไปได้ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ ก็ติดตามไปไม่ได้ แต่ปัญญา ความเข้าใจพระธรรมจากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่ง ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ