ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๑
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๑ * *
~ ประโยชน์สูงสุด คือ ได้เกิดมาเป็นบุคคลนี้แล้วได้เข้าใจธรรมและได้ทำดี เพราะเหตุว่า ประมาทไม่ได้เลย ขณะไหนไม่ดี ขณะนั้นเป็นอกุศล
~ ถ้าเป็นผู้ที่สามารถจะทำกุศลได้เร็วเท่าใด ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะเหตุว่าชีวิตแต่ละภพ แต่ละชาติก็สั้นมาก ไม่ทราบว่าชาติหน้าจะมาถึงเร็วหรือช้า เมื่อใด เกิดที่ไหน เป็นบุคคลใด มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมมีโอกาสที่จะได้เจริญกุศลอีกไหม
~ เกิดมาแล้ว คิดถูก รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด สมควรหรือไม่สมควร พูดถูกพูดสิ่งที่จริงและมีประโยชน์ แล้วก็ทำถูกต้องด้วย เกิดมามีประโยชน์มาก เพราะเหตุว่า ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น
~ มีกาย วาจา ไว้สำหรับทำอะไร? ไม่ควรที่จะมีไว้สำหรับเพื่อที่จะให้อกุศลเจริญขึ้น แต่ควรที่จะมีไว้สำหรับเจริญกุศลทุกประการซึ่งจะเป็นบารมี (ความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) สำหรับที่จะให้ดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด)
~ สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ มีทั้งกุศล มีทั้งอกุศล มีทั้งสิ่งที่ไม่ใช่ทั้งกุศลไม่ใช่ทั้งอกุศล ให้รู้ว่าไม่ใช่เรา สำคัญที่สุดคือเข้าใจถูกต้องว่าธรรมเป็นธรรม ไม่ใช่เรา
~ ที่ว่าชำระจิตให้บริสุทธิ์นั้น ไม่ใช่จิตของคนอื่น แต่เป็นจิตของตนเอง และชำระได้ด้วยความเข้าใจพระธรรม
~ ความหวังดี เป็นความหวังดี ขณะที่หวังดี ไม่เดือดร้อน แต่ขณะที่ไม่เป็นไปตามที่หวังดี ก็ต้องไม่เดือดร้อน เพราะเหตุว่า รู้ว่า ธรรม เป็น ธรรม ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลยทั้งสิ้น
~ จิตหนึ่ง เมื่อมีโอกาสได้ฟังธรรมเข้าใจขึ้น ขณะนั้น ธรรมนั้นแหละ รักษาจิตนั้น เพราะฉะนั้น จะเอายาอื่นมา ไม่มีทางเลย แต่ก่อนอื่น ขอให้ทราบว่า ใครจะเป็นคนดีสักเท่าไหรก็ตาม ถ้าไม่เข้าใจธรรม ดีไม่พอ จำได้เลย ดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ ถ้าเข้าใจอย่างนี้ จะเป็นคนดีขึ้นไหม?
~ พระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีค่าที่ประมาณไม่ได้เลย เพราะเหตุว่า เมื่อได้ยิน ได้ฟังแล้ว เป็นเหตุให้เกิดความเห็นถูกต้อง และเป็นประโยชน์จริงๆ เพราะเริ่มเห็นอกุศล โดยเฉพาะของตนเอง ใครจะแก้ให้เรา? ไม่มีทางเลย
~ ทุกท่านกำลังนั่งอยู่ที่นี่ ไม่มีเครื่องหมายที่จะให้รู้เลยว่า ชีวิตของใครจะอยู่ต่อไปถึงพรุ่งนี้ หรือว่าเดือนหน้า หรือว่าปีหน้า ไม่มีเครื่องหมายให้รู้ว่า จากที่นี้ไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น จะเป็นสุข หรือว่าจะเป็นทุกข์ จะประสบกับอิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่น่าปรารถนา) หรืออนิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา) จะมีอุบัติเหตุ หรือไม่มีอุบัติเหตุ ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ เพราะว่า ชีวิตไม่มีเครื่องหมาย ใครๆ ก็รู้ไม่ได้
~ เวลาที่สิ้นชีวิตไปแล้ว นอกจากจะเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ไปไม่ได้ ก็ยังเอาบุคคลทั้งหลายซึ่งเป็นที่รักทั้งหมดในโลกนี้ติดตามไปไม่ได้ แล้วก็จะเอาความทรงจำทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกนี้ไปด้วยไม่ได้ แม้แต่ความจำก็ไม่เหลือ เป็นบุคคลใหม่ทันที เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภพใหม่ ชาติใหม่ ก็เป็นบุคคลใหม่ เป็นเรื่องใหม่ ไม่เกี่ยวข้องผูกพันกับเหตุการณ์เก่าๆ ในโลกเก่า
~ เริ่มสะสมอุปนิสัยที่น่ารัก เป็นคนดี เป็นมิตร เป็นเพื่อนดีจริงๆ เกื้อกูลทุกโอกาส เพราะรู้ว่า ขณะใดที่กุศลไม่เกิด ขณะนั้น อกุศลเกิด
~ เกิดมา ด้วยความไม่รู้ จากโลกนี้ไป ด้วยความไม่รู้แล้วก็ชาติต่อไป ก็ไม่รู้ แล้วก็จากชาติต่อไป ก็ไม่รู้ เหมือนที่แล้วมา แต่ว่า เมื่อไหร่ ชาติไหน ที่มีโอกาสจะได้เริ่มเข้าใจสิ่งที่มีจริง ก็จะค่อยๆ สะสม เหมือนพระสาวกทั้งหลายในอดีต ท่านก็มาจากไม่เคยเข้าใจสิ่งที่มี จนกระทั่ง ได้ฟังพระธรรม จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง พระองค์ใด เข้าใจขึ้น ค่อยๆ สะสม
~ สิ่งที่ควรเจริญในชาตินี้ก็คือ ปัญญา เพราะเหตุว่า สิ่งอื่นไม่สามารถจะติดตามไปได้ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ ก็ติดตามไปไม่ได้ แต่ปัญญา ความเข้าใจพระธรรมจากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่ง ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
~ ปัญญา มีกิจที่ตรงกันข้ามกับอกุศล เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า เราทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าเรารู้กิจของปัญญา ปัญญาสามารถที่จะรู้ว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร เราก็จะอบรมเจริญปัญญา ให้ปัญญาเกิดขึ้นแล้วก็ทำกิจของปัญญาได้ แต่ถ้าปัญญาไม่เกิด แล้วจะอ้อนวอนขอให้เราเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ และอยู่ดีๆ ปัญญาก็เกิดไม่ได้ ต้องอบรมเจริญให้ค่อยๆ เกิดขึ้น
~ เกิดมาทั้งชาติ ทุกชาติๆ หวั่นไหวมากเหลือเกินในเรื่องสุขและทุกข์ จนกว่าจะถึงวาระที่ไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์ ก็ลองคิดดูว่า เมื่อไหร่จะถึงอย่างนั้นถ้าไม่ได้อบรมเจริญปัญญาจริงๆ
~ คิดด้วยความเมตตา ว่า บุคคลใดก็ตามที่ได้ทำอกุศลกรรมไว้แล้ว เมื่อถึงกาลที่อกุศลกรรมให้ผล ใครก็ช่วยไม่ได้ มารดาบิดาก็ช่วยไม่ได้ ญาติพี่น้องมิตรสหายก็ช่วยไม่ได้ ก็จะทำให้เรามีแต่การที่จะคิดเป็นมิตรและก็ช่วยเหลือคนอื่น
~ บวชเพื่อเข้าใจพระธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ถ้าไม่ใช่เพื่อเข้าใจพระธรรม การบวชไม่มีประโยชน์เลย เพราะเหตุว่าการบวชเพื่อขัดเกลากิเลสด้วยความเข้าใจพระธรรม ถ้าไม่มีความเข้าใจพระธรรม จะเอาอะไรมาขัดเกลากิเลส เอาความไม่รู้มาขัดเกลากิเลสไม่ได้ ที่จะขัดเกลากิเลสได้ ก็ต้องด้วยความเข้าใจพระธรรม
~ พระภิกษุ สำนึกได้ว่าเราไม่ใช่คฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น จะทำอย่างคฤหัสถ์ได้ไหม จะใช้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเครื่องประเทืองผิวเหมือนอย่างคฤหัสถ์ได้ไหม มีจิตคิดยินดีที่จะพอใจในสิ่งนั้นได้ไหม ก็ไม่ได้ เพราะก่อนจะบวชก็รู้อยู่แล้วว่าจะสละเพศคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น จะเป็นอย่างคฤหัสถ์ได้อย่างไร จะคิดอย่างคฤหัสถ์ได้อย่างไร จะทำอย่างคฤหัสถ์ได้อย่างไร ในเมื่อไม่ใช่คฤหัสถ์อีกต่อไปแล้ว
~ ถ้าการกระทำ นั้น ดี ไม่มีเลยที่จะให้ผลที่ไม่ดี แม้แต่คำพูดจริงที่ว่า “การเป็นพระภิกษุ เพื่อขัดเกลาละคลายกิเลสในเพศบรรพชิตและต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย” ไม่ได้ผิดเลย พูดเพื่อประโยชน์ ถ้าเป็นประโยชน์ ควรพูด
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๐
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
อ่านช้าๆ อย่างละเอียดแล้ว เห็นว่า มีประโยชน์ เกื้อกูลแก่การเจริญปัญญา มาก
ขออนุโมทนา.
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
แต่ละประโยค แต่ละข้อความ ต้องอ่านช้าๆ พิจารณา เมื่อเข้าใจ จึงจะเป็นประโยชน์ เพราะเป็นคำที่ต้องไตร่ตรองด้วยความละเอียด จึงจะเห็นความละเอียดค่ะ
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบขอบพระคุณคณะวิทยากร มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาทุกท่าน
กราบขอบพระคุณและยินดีในกุศลธรรมทานกับท่านอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัยด้วยค่ะ