มีอะไรที่เป็นของเราบ้าง
หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๑๔๖]
มีอะไรเป็นของเราบ้าง
สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตก็คือความเห็นถูก เพราะเหตุว่า เวลาที่ฟังพระธรรม พระผู้มีพระภาคไม่ได้บอกให้เชื่อ แน่นอน แต่แสดงความจริงของสิ่งที่มีที่กำลังปรากฏที่ทุกคนสามารถที่จะพิจารณาว่าเป็นจริงอย่างที่ทรงแสดงหรือไม่ เมื่อพิจารณาแล้วความเข้าใจถูกต้องก็เกิดขึ้น และก็สามารถรู้ว่าผู้ที่แสดงความจริงนี้คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มิฉะนั้น แม้แต่เพียงคำว่า “ธรรม” ใครจะได้ยิน ใครจะรู้ว่าขณะนี้ธรรมหมายความถึงสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ชื่อสมมติโดยมารดาบิดาตั้งให้ว่า คนนี้หรือคนนั้น ไม่มีใครไปตั้งชื่อให้ธรรมอย่างนั้นเลย แต่เมื่อธรรมที่มีจริงหลากหลายมาก จึงทรงบัญญัติคำที่จะให้รู้ว่า ตรัสคำนี้หมายความถึงสภาพธรรมอะไรที่กำลังปรากฏ เพราะเหตุว่าขณะนี้สิ่งที่มีจริงคือสิ่งที่กำลังปรากฏ เช่น ขณะนี้มีเห็น เห็นจริง และสิ่งที่ปรากฏก็จริง เพราะฉะนั้น ฟังเพื่อให้เข้าใจถูกต้องว่า เป็นธรรมซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะบังคับบัญชาได้ ไม่มีใครทำให้เกิด หรือว่าธรรมที่เกิดแล้วจะไม่ให้ดับก็ไม่ได้
เพราะฉะนั้น จากการฟังก็ค่อยๆ เห็นพระมหากรุณาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มิฉะนั้น แต่ละคนจะมีชีวิตอยู่โดยเกิดมาแล้วก็เห็น ได้ยิน คิดนึก สุข ทุกข์ แล้วก็จากโลกนี้ไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่มีในชีวิตแต่ละชาตินั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นอะไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีสาระ เพราะอะไร? เกิดแล้วก็ดับ เมื่อวานนี้หมดไปแล้ว แม้แต่สิ่งที่เราคิดว่า เป็นของเรา อะไรล่ะที่เป็นของเรา? สิ่งที่ปรากฏทางตาปรากฏให้เห็นได้เท่านั้นเอง ไม่ว่าทรัพย์สมบัติใดๆ ที่บ้านเป็นของเรา แต่ว่าความจริงก็คือว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นสำหรับทุกคนที่เห็น ไม่ใช่เป็นของคนหนึ่งคนใดเลย
เพราะฉะนั้น เห็น เกิดแล้วก็ดับ และสิ่งที่ปรากฏทางตาเกิดแล้วก็ดับ ค่อยๆ พิจารณาว่า เป็นความจริงอย่างนี้หรือเปล่า เมื่อเป็นความจริงก็จะรู้ว่า กว่าที่จะได้รู้ความจริง แต่ละคนก็ต้องทำความดีพอที่จะมีโอกาสได้ยินได้ฟังธรรมซึ่งบุคคลผู้เลิศในโลกและจักรวาลทั้งหมดได้บำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขยแสนกัปป์ ซึ่งก่อนนั้นก็ตั้งความปรารถนาที่จะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อที่จะอนุเคราะห์บุคคลอื่นให้มีความเข้าใจถูก ไม่ใช่เกิดมาในโลกแล้วก็ไปโดยไม่รู้อะไรเลย เกิดมาเพื่อตาย ก่อนตายก็เห็น เห็นแล้วก็หมด สุขก็หมด ทุกข์ก็หมด ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเหลือ แล้วก็จากไปพร้อมความไม่รู้
เพราะฉะนั้น การที่จะได้เข้าใจความจริงก็ทำให้ไม่ตาบอด ไม่มืดเหมือนเดิม เพราะเหตุว่าถ้าตาบอดและก็มืดเหมือนเดิมจะรู้ไหมว่า ทำไมคนเราเกิดมาต่างกัน คิดก็ต่างกัน และก็ต้องเกิดด้วย จะไม่ให้เกิด เป็นไปไม่ได้เลย เพราะอะไร เพราะเกิดแล้ว เห็นแล้ว ทำกรรมแล้ว เพราะฉะนั้น ก็มีเหตุที่จะต้องให้เกิดอีกแน่นอน แต่ถ้าได้เข้าใจธรรม สิ่งที่ได้ฟัง ก็จะเพิ่มขึ้นติดตามไป
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย