บันทึกสุดท้ายถึง คุณสาว นิตยา จันทร์สนิท
บันทึกสุดท้ายถึง คุณสาว นิตยา จันทร์สนิท สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ หมายเลข 461
จากไม่มี ... แล้วมี ... แล้วหามีไม่
เมื่อ 51 ปีก่อน ไม่มีคุณสาวในโลกนี้ และคุณสาวก็เกิดมาเป็นลูกสาวคนที่ 2 ของครอบครัวจันทร์สนิท ที่จังหวัดตรัง เมื่อ พ.ศ. 2512 เติบโตขึ้น เรียนหนังสือจบ มาทำงานที่บ้านของคุณดวงแก้วและคุณเรวัตร หมู่บ้านรวมโชค ที่กรุงเทพ ฯ ตั้งแต่ปี 2530 ขณะที่มีคุณสาวอยู่ในโลกนี้ คุณสาวเป็นคนดี มีน้ำใจ ขยันทำงาน จิตใจดี ฝักใฝ่ในการศึกษาพระธรรม มาศึกษาธรรมที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ตั้งแต่ ปี 2545 ตราบจนสิ้นชีวิต สิ่งที่คุณสาวภาคภูมิใจคือ ได้เป็นทีมงานจัดดอกไม้เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และได้เดินทางไปกราบพระบรมสารีริกธาตุที่ประเทศอินเดียกับมูลนิธิ ฯ
ความมีน้ำใจของคุณสาว ทำให้เป็นที่รักของผู้คนที่รู้จัก โดยเฉพาะคุณดวงแก้วและคุณเรวัตร เจ้านาย ซึ่งรักใคร่และอุปการะตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต และเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 เวลา 00.05 น. จุติจิตของคุณสาวก็เกิดขึ้นทำกิจ สิ้นสุดความเป็นคุณสาวในโลกนี้ และเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 รูปร่างกายของคุณสาวก็กลับกลายเป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย นอกจากชื่อและความทรงจำของผู้คนที่เคยรู้จัก ซึ่งในที่สุด ผู้คนเหล่านั้นก็จะดับไป ไม่มีอะไรเหลือตามคุณสาวไปเหมือนกัน คุณสาวไปก่อน จึงเป็นตัวอย่างให้เห็นความจริงตามพระพุทธพจน์ที่ทรงแสดงว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนจากไม่มี ...แล้วมี... แล้วหามีไม่
คุณสาวมีอาการปวดท้อง ทานไม่ได้ น้ำหนักลด ท้องโต ไปตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่รังไข่ ลามไปที่อวัยวะต่างๆ แล้ว เข้ารักษาที่โรงพยาบาลเปาโล จนบอกเลิกการรักษาเอง เพราะทนการให้เคมีบำบัดไม่ได้ จึงไปอยู่ที่สถานฟื้นฟูผู้ป่วยโกลเดนเยียรส์ ที่สุทธิสาร ซึ่งมีค่าบริการเฉพาะสถานที่และหมอพยาบาลสำหรับห้องเดี่ยว เดือนละ 49,000 บาท และไม่สามารถมีคนเฝ้าได้หลายคน มีสหายธรรมมาเยี่ยม และมอบเงินช่วยค่ารักษาพยาบาลรวม 11 คน เป็นเงิน 45,000 บาท ที่นี่ท่านอาจารย์ได้มาเยี่ยมคุณสาว นอกจากจะพูดธรรมแล้ว ท่านยังพูดชักจูงคุณสาวให้ไปอยู่บ้านคุณเดือนฉายแทนบ้านหมอวิภากรซึ่งตั้งใจจะพาคุณสาวไปดูแลเอง เพราะบ้านคุณเดือนฉายที่ซอยโชคชัย 4 เป็นย่านที่สหายธรรมหลายคนพักอาศัยอยู่ รวมทั้งคุณสาวด้วย และยังเคยเป็นสถานที่พักฟื้นของสหายธรรมอื่นมาก่อนหน้าแล้ว จึงได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านคุณเรวัติและคุณเดือนฉาย ค่ำอำนวย ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม – 28 สิงหาคม 2563 โดยการดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าของบ้านผู้ใจดี รวมทั้งลูกสาว และคุณหมอวิภากร ผู้เสียสละดูแลคุณสาวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเปิดธรรมให้คุณสาวได้ฟังตลอด จนคุณสาวบอกว่า ขอฝากชีวิตไว้กับพี่เดือนฉายและหมอวิ ไม่ยอมไปไหนแล้ว
ระหว่างนี้มีสหายธรรมที่ทราบข่าวได้ร่วมกันเจริญกุศลทุกประการ ตามความสามารถ คุณติ๋ว ทัศนีย์ บุญเงิน แนะนำให้ติดต่อกับมูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน ที่โรงพยาบาลชลประทาน ปากเกร็ด เพื่อขอยืมเครื่องใช้สำหรับผู้ป่วย ซึ่งมีบริการทุกอย่าง และเมื่อใช้เสร็จก็นำไปคืน จะบริจาคเงินช่วยมูลนิธิตามศรัทธาหรือไม่ก็ได้ และยังนำเครื่องครัวมาให้ยืมใช้พร้อมสอนวิธีปรุงอาหารสำหรับผู้ป่วย คุณติ๋ว สุทธิดา เป็นม้าเร็ว ใช้มอเตอร์ไซค์ พาหนะประจำตัว ขับไปซื้อของที่ขาดเหลือตามต้องการได้ตลอดเวลา แม้จะไปไกลถึงศิริราชก็ตาม คุณจู (กุสุมา โกมลกิติ) คุณเมตตา ชัยศรีโสภณกิจ นำเตียงสำหรับผู้ป่วยของคุณพ่อมาให้ใช้ คุณแสงมณีหาข้อมูลในการรักษามะเร็ง คุณวิภาพร ส่งแพมเพอร์ส มาทางไปรษณีย์ อีกหลายคนมาเยี่ยม พร้อมทั้งช่วยค่ารักษาพยาบาล คุณสาวก็มีจิตศรัทธาทำกุศลกับผู้มีพระคุณต่อ น้องเพียว (วัลยา ทับทิมนาค) ที่มานอนเฝ้าไข้และผู้เฝ้าไข้อีกหลายคน ต่างช่วยกันเจริญกุศลตามความสามารถ ขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ และเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563 คุณสาวก็มีไข้สูง หมอวิภากรและพี่เดือนฉายผลัดกันเช็ดตัว ไข้ก็ยังไม่ลด จึงนำส่งโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และคุณสาวก็สิ้นลมที่นี่เวลาเที่ยงคืนกว่า ของวันที่ 31 สิงหาคม 2563
คุณสาวให้จัดพิธีฌาปนกิจศพของตนเองที่ฌาปนสถานกองทัพอากาศ ไม่ต้องมีพิธีสวดพระอภิธรรม และไม่ต้องนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีแต่อย่างใด เพื่อพระจะได้ไม่ต้องอาบัติ รับเงินทองอันไม่สมควรแก่สมณะ เมื่อคุณสาวเสียชีวิตที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จึงทำพิธีรดน้ำศพที่นั่น เวลา 13.00 น. ของวันที่ 1 ก.ย. 2563 และเคลื่อนศพมาที่ฌาปนสถานกองทัพอากาศ ติดกับวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน นำโลงศพขึ้นเมรุ ไม่ต้องเดินเวียน 3 รอบตามประเพณี ที่ไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎก และในเวลา 15.00 น. ก็มีการสนทนาธรรมโดยคณะวิทยากรของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ซึ่งท่านแสดงว่า บัดนี้คุณสาวเป็นอาจารย์ให้เห็นว่า ทุกคนมีความแก่เป็นธรรมดา มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา มีความตายเป็นธรรมดา ไม่มีใครพ้นจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ความพลัดพรากจากของรักของเจริญใจไปได้ จนกว่าจะเข้าใจความจริงว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่แล้วก็ดับทันที เหมือนกันหมด ถ้าเข้าใจแจ่มแจ้งอย่างนี้เมื่อไร ก็สามารถจะพ้นไปจากความเกิด ความแก่ ความตาย และความทุกข์ทั้งปวงได้ เพื่ออุทิศส่วนกุศลในการเข้าใจพระธรรมแก่คุณสาว และในเวลา 16.00 น. คุณดวงแก้ว ผู้มีอุปการะคุณของคุณสาวก็กล่าวประวัติและคำไว้อาลัยว่า
สิ้นสำเนียง เสียงเจื้อยแจ้ว ที่ไขขาน
จารึกนาน คงความงาม ตามนิสัย
ทั้งความดี ของสาว สกาวใจ
ด้วยรักใคร ใครก็รัก ในความดี
ขอกุศล ผลบุญ ที่นำสร้าง
โปรดนำทาง ให้ไป สู่สุขขี
ให้อยู่สุข ชั้นฟ้า สุขาวดี
แด่นิตยา จันทร์สนิทนี้ นิรันดร
หลังจากนั้นก็เชิญแขกที่มาร่วมงานขึ้นวางดอกไม้จันทน์ เป็นอันเสร็จพิธี เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยการเจริญกุศลของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ คุณเมตตา คุณจู และอีกหลายคน ช่วยกันหิ้วกล่องอาหาร แจกแขกที่มาร่วมงาน ซึ่งคุณหมอวิภากร พงศ์วรานนท์ เป็นเจ้าภาพ คุณอ้วน สมรมาศ เป็นเจ้าภาพขาตั้งวางแจกันดอกไม้ประดับเมรุ 6 ชุด และอุปกรณ์จัดดอกไม้ ซึ่งเมื่อจบงานแล้วก็จะมอบให้มูลนิธินำมาใช้ต่อไป พร้อมเลี้ยงอาหารผู้ช่วยจัดดอกไม้ 6 คน คุณจิราพร ศรีสมุทร เป็นเจ้าภาพดอกไม้สดและดอกไม้จันทน์ พร้อมกับเพื่อนสหายธรรมที่มาช่วยจัดดอกไม้ประดับเมรุให้สวยงาม คุณต้อม สิริพรรณ คุณตุ่น สุดาทิพย์ และคุณต่ายจากฮ่องกง เป็นเจ้าภาพของชำร่วยสำหรับผู้ร่วมงานเป็น น้ำมันไพล "ธรรมทิพย์" ของคุณแอ๋ว ค่าใช้จ่ายในการใช้ฌาปนสถานสำหรับคนทั่วไปประมาณ 13,000 บาท (เป็นค่าน้ำมันเผา 4,000 บาท ค่าศาลารับรองแขกในวันเผา (ราคาขึ้นกับศาลา) เบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่รับศพ 3 คน คนละ 220 บาท เบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่เมรุ 2 คนละ 300 บาท 2 คน ค่าบำรุงรถยนต์รับศพ 1,500 บาท สำหรับคุณสาวรวมค่าโกฏิ 1,200 บาทด้วย ผู้ใดสนใจติดต่อ ฌาปนสถาน ทอ. โทร 02 – 5212571, 02-5520997) ในวันนั้นทุกคนกระตือรือร้นในการเจริญกุศล น่าปลื้มใจจริงๆ ที่ความเข้าใจพระธรรมทำให้กุศลทุกประการเจริญขึ้น
ขอบุญกุศลที่สหายธรรมทั้งหลายและของคุณสาวที่ทำมาแล้ว จงเป็นพลวปัจจัยให้คุณสาวสู่สุคติ และได้ศึกษาธรรมต่อจนกว่าจะค่อยๆ รู้ว่า ไม่มีเรา ไม่ใช่เรา
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลทั้งปวงของทุกๆ ท่านนะคะ เพียงตัวหนังสือบรรยาย ความซาบซึ้ง จิตคิดนึกถึงภาพ ตามตัวหนังสือ ก็ทำให้น้ำตาเอ่อขึ้นมาได้ ไม่เคยคิดเลยว่า โลกใบนี้ ยังมีผู้คนที่มีน้ำใจงามมากมายขนาดนี้ "ทุกคนล้วนได้เคยเกิดมาเป็นพ่อแม่พี่น้องญาติสนิทมิตรสหายกันในหลายภพชาติแล้ว" ...ญาติธรรม / สหายธรรม / กัลยาณมิตร คำเหล่านี้มีความหมายยิ่งนัก ไม่เคยนึกเลยว่า จะได้เข้ามาอยู่ในภพภูมิใหม่ ภพภูมิที่มีแต่ผู้ปรารถนาดี ผู้ปฏิบัติดี ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างแท้จริง ขออนุโมทนาในกุศลอีกครั้งค่ะ
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้ว แด่ คุณนิตยา จันทร์สนิท ขอจงมีจิตโสมนัสยินดี อนุโมทนาในส่วนกุศลนี้เทอญ
ขอบุญกุศลที่สหายธรรมทั้งหลายและของคุณสาวที่ทำมาแล้ว จงเป็นพลวปัจจัยให้คุณสาวสู่สุคติ และได้ศึกษาธรรมต่อจนกว่าจะค่อยๆ รู้ว่า ไม่มีเรา ไม่ใช่เรา
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาในจิตทุกจิตอันเป็นกุศล และขอบพระคุณพี่แดง กาญจนา ในวิริยะกุศลที่เขียนบันทึกเรื่องราวแบ่งปันให้บุคคลทั่วไปได้รับรู้ในการกระทำที่ถูกต้องตามพระวินัย ในการจัดงานฌาปนกิจให้ผู้วายชนม์ค่ะ
ขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้ว แด่ คุณนิตยา จันทร์สนิท ขอจงมีจิตโสมนัสยินดี อนุโมทนาในส่วนกุศลนี้เทอญ
[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓๖ หน้าที่ ๑๓๘
๗. ฐานสูตร
ว่าด้วยฐานะที่ควรพิจารณาเนืองๆ ๕ ประการ
[๕๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๕ ประการนี้ อันสตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือ บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ๕ ประการ เป็นไฉน คือ สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต ควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ ๑ เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความ เจ็บไข้ไปได้ ๑ เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ ๑ เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ๑ เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรมมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งจักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ๑
ขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้ว แด่ คุณนิตยา จันทร์สนิท ขอจงมีจิตโสมนัสยินดี อนุโมทนาในส่วนกุศลนี้เทอญ
ขออนุโมทนาทุกท่านและขออุทิศส่วนกุศลให้คุณนิตยา จันทร์สนิทครับ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่าน ขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้วแด่ คุณ นิตยา จันทร์สนิท ขอจงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลนี้ เทอญ
กราบอนุโมทนากุศลจิตพี่แดง และทุกท่านค่ะ เป็นบันทึกที่เตือนใจและมีคุณค่าสำหรับการดำรงชีวิตต่อไป ว่าไม่มีอะไรที่จะเป็นสาระสำหรับการเดินทางต่อไปอีกแสนไกลและยาวนาน เท่ากับกุศลทุกประการ และปัญญาที่ได้รับการอบรมเจริญขึ้นจากการได้ฟังพระธรรมที่ถ่ายทอดได้ตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
ขออนุญาตเรียนพี่แดงเพิ่มเติมว่า เจ้าภาพน้ำมันไพล มีคุณต่ายจากฮ่องกง และคุณสุดาทิพย์ (คุณตุ่น) ร่วมกันเจริญกุศลด้วยค่ะ
ชาตินี้ได้พบ "น้องสาว" เพียงเวลาไม่นาน แต่เป็นความทรงจำที่งดงาม ด้วยความมีน้ำใจทุกครั้งที่ได้พบกันคุยกัน ทักกัน กล่าวสวัสดีกัน เมื่อสิ้นสุดการสนทนาธรรม วันเสาร์บ้าง วันอาทิตย์บ้าง แต่คำพูดกับน้องสาวที่รพ.ว่า "แล้วพบกันที่มูลนิธินะคะ" ไม่คิดเลยว่า จะเป็นการกล่าวคำลาครั้งสุดท้าย ....ประมาทในเวลาแต่ละขณะไม่ได้เลย
ขออุทิศกุศลทุกประการให้ "น้องสาว" มีจิตโสมนัสยินดีด้วยเทอญ
ขอขอบคุณและอนุโมทนาน้องวันชัย ภู่งาม ที่ช่วยใส่ภาพประกอบเรื่องทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ
กราบขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนากับพี่แดงและทุกท่านค่ะ
ขออุทิศกุศลทั้งมวลที่ได้ทำมาให้กับคุณนิตยา จันทร์สนิท (คุณสาว) ขอจงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลด้วยเทอญ
และอนุโมทนาขอบคุณที่คุณสาวเป็นตัวอย่างของชาวพุทธที่แท้จริงทั้งเมื่อมีชีวิตอยู่ก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมและเมื่อจากไปก็สั่งไว้ให้จัดการศพแบบเรียบง่ายอันเป็นตัวอย่างของผู้อื่นต่อไป
กราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะกับพี่แดงและเพื่อนๆ สหายธรรม มศพ ทุกท่าน
ขออุทิศบุญกุศลที่ได้กระทำมาแล้วให้กับคุณนิตยา จันทร์สนิท (คุณสาว) ขอจงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลด้วยเทญ
และขออนุโมทนาที่คุณสาวเป็นตัวอย่างและเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกว่าความตายอยู่ใกล้ตัวทุกท่าน และไม่ควรประมาทในการเจริญกุศลทุกประการค่ะ
ขออนุโมทนา และขออุทิศบุญกุศลให้กับคุณนิตยา จันทร์สนิท
ขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้ว แด่ คุณนิตยา จันทร์สนิท ขอจงมีจิตโสมนัสยินดี อนุโมทนาในส่วนกุศลนี้เทอญ
ขออุทิศบุญกุศลให้คุณนิตยา จันทร์สนิท และขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยครับ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของคุณสาวที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่อุทิศตนให้มศพ.
และความดีของทุกท่านที่เกี่ยวข้องครับ
เรียบง่าย กุศลอย่างยิ่ง ผู้วายชนม์ หลับสบาย ขออนุโมทนา กับทุกท่าน
ขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้วทั้งหมดแด่คุณนิตยา จันทร์สนิท (สาว) ขอจงมีจิตโสมนัสยินดี อนุโมทนาในส่วนกุศลนี้ด้วยเทอญ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดงและเพื่อนๆ สหายธรรมทุกท่านด้วยค่ะ
ขออุทิศกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้วแด่คุณนิตยา จันทร์สนิท ขอจงมีจิตโสมนัสยินดี อนุโมทนาในกุศลด้วยเทอญ
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยค่ะ
วันนี้เพิ่งเปิดเข้ามาอ่าน ไม่เคยทราบข่าวมาก่อนเลย รู้สึกซาบซึ้ง และขออนุโมทนาในกุศลจิต และกุศลกรรมของพี่ๆ และเพื่อนๆ ชาว มศพ ที่มีต่อคุณสาว และขออุทิศส่วนกุศลทั้งหลายแด่ดวงจิตคุณสาว น้องผู้น่ารักชาว มศพ ที่ได้พบกัน
ขออุทิศส่วนกุศลแด่ คุณนิตยา จันทร์สนิท (สาว) และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยค่ะ
ในสังสารวัฎที่ยาวนาน ไม่มีไรที่เรา ไม่เคยเป็น เพราะมีเรา คงต้องท่องเที่ยวไปอยู่ร่ำไป น้ำในมหาสมุทร ยังน้อยกว่าน้ำตา ของผู้ที่ยังท่องเที่ยวไป มา นับไม่ถ้วน จนกว่าจะประจักษ์แจ้ง ในสภาพธรรมะที่กำลังปรากฎ ขออุทิศกุศลแม้น้อยนิดในการกล่าวคำจริง ให้แก่คุณนิตยา ครับ
เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน ๒๕๖๓ ที่ผ่านมาผมก็ได้ไปร่วมงานศพของคุณสาวที่ฌาปนสถานกองทัพอากาศมาด้วย โดยมีการสนทนาธรรมจากคณะอาจารย์วิทยากรของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนจะมีการฌาปนกิจศพ กรณีของคุณสาวทำให้ผมได้รู้และเข้าใจว่า คนเรา...ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ (จุติจิตยังไม่เกิดทำกิจสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ และที่สำคัญคือได้พบพระธรรม) ควรมีความเป็นมิตร มีเมตตาต่อกันและช่วยเหลือกันทุกๆ โอกาส
ขออุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้ว แด่ คุณสาว-นิตยา จันทร์สนิท และขออนุโมทนาในกุศลธรรมทุกประการครับ