จุดเริ่มต้นของชาวพุทธ

 
khampan.a
วันที่  11 ก.ย. 2563
หมายเลข  32979
อ่าน  1,940

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรม

ที่ห้องประชุมปาหนัน

โรงพยาบาลปัตตานี

วันอังคารที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๓












~ ศาสนา คือ คำสอน ไม่ว่าจะเป็นคำสอนของใคร ผู้นั้นก็เป็นศาสดาของคำสอนนั้น เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนาก็มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ทรงแสดงความจริง ซึ่งเมื่อฟังแล้วจะรู้ได้เลย ว่า ถ้าไม่มีพระองค์ ไม่มีทางที่ใครจะรู้จักสิ่งที่มีจริงๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย

~ ผู้ที่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็กล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่นับถือเคารพในคำสอนของพระองค์ เพราะได้เข้าใจความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นต้องทราบว่าถ้าเราไม่ได้เคยฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย หรือ ฟังเพียงเล็กน้อย สามารถที่จะรู้จักพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ไหม? คิดอย่างไรก็ไม่สามารถจะรู้ได้ จนกว่าจะได้ฟังคำของพระองค์แต่ละคำ ก็เริ่มเห็นว่าพระองค์ได้ตรัสรู้ความจริงนั้นๆ และทุกอย่างที่พระองค์ตรัส เป็นจริงทุกกาลสมัย และเป็นจริงซึ่งคนอื่นไม่สามารถที่จะรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่ว่าพอฟังคำของพระองค์แล้ว จึงค่อยๆ รู้ในความเป็นผู้ตรัสรู้ เพราะว่า ทำให้เราได้เข้าใจสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย

~ ถ้าเป็นชาวพุทธ โดยที่ไม่รู้ว่าพระพุทธศาสนา (คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) เป็นอะไร ตรัสเรื่องอะไร ก็ต้องไม่ใช่ชาวพุทธ แต่ถ้ารู้จักคำแต่ละคำแล้วก็มีความเข้าใจโดยละเอียด และเป็นผู้ที่ตรง ก็จะรู้จักในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะเพียงฟังแล้วเข้าใจได้โดยตลอด แต่ต้องอาศัยการไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความค่อยๆ เข้าใจขึ้น จึงจะเริ่มรู้จักพระองค์จริงๆ เพราะฉะนั้น ก็เป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการที่จะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ เปลี่ยนคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไหม? ทุกคำที่ตรัสเป็นคำจริงถึงที่สุด ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเลย ทุกกาลสมัย ทุกวัน ทุกขณะ

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ด้วย ไม่ว่าอะไรก็ตามที่มี ขณะนี้เป็นสิ่งที่เกิดทั้งนั้นและสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดขึ้น มีความดับไปเป็นธรรมดา โดยที่ว่า ธรรมคือสิ่งที่มีจริงทั้งหมดเลย ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา ต้องมั่นคงในทุกคำ นี่คือ สัจจะ ความจริงซึ่งเปลี่ยนไม่ได้

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้อะไร? ทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้และทุกขณะ ว่า สิ่งที่มี ต้องเกิด เกิดแล้วก็ต้องดับ ไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ เช่น ความคิดเมื่อกี้นี้ดับไปแล้วไม่กลับมาอีก ละเอียดไหม? ลึกซึ้งไหม? ยากที่จะรู้ได้ว่าไม่มีเรา เพราะว่า มีเรามานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ แต่เมื่อมีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงแสดงความจริงตั้งแต่เบื้องต้นให้มั่นคง ว่า ศึกษาธรรม เพื่อให้รู้ความจริง ว่า ไม่มีเรา

~ ศึกษาธรรม เพื่อให้รู้ความจริง ถ้าไม่ต้องการที่จะรู้ความจริง จะไม่เข้าใจธรรมเลย แต่ถ้ารู้ว่าสิ่งนี้จริง ก็ตรงต่อความจริงนี้ไม่เปลี่ยนแปลง แล้วก็มีความเข้าใจมั่นคงขึ้นจนกระทั่งประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่เกิดดับ จึงไม่มีการยึดถือสภาพธรรมนั้นอีกต่อไปว่าเป็นเรา

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้ค่อยๆ หมดความสงสัยในสิ่งที่มีจริง

~ ทั้งหมดในวันนี้ เป็นธรรมคือสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ที่จะรู้ได้ยิ่งขึ้นเมื่อได้ฟังคำของผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ เราจึงฟังคำของผู้ที่ทรงตรัสรู้ เพราะเราไม่สามารถที่จะรู้เองได้ พร้อมกันนั้นไม่ใช่ให้เชื่อทันที แต่ต้องค่อยๆ เข้าใจขึ้นในความถูกต้อง นั่นก็คือ ไม่ใช่เรา แต่เป็นปัญญาความเข้าใจถูกความเห็นถูก "สัมมาทิฏฐิ" ตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้เราพ้นจากความเข้าใจผิด ความเห็นผิด ความยึดมั่นว่าเป็นเรา เพราะเหตุว่า ทุกอย่างจากไปหมดเลย แค่เกิดแล้วก็ดับไปๆ

~ จากไม่เคยรู้มาเลยในสังสารวัฏฏ์ ก็ยังมีโอกาสได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไตร่ตรอง ค่อยๆ อบรม ที่ใช้คำว่า "ภาวนา" จนค่อยๆ เข้าใจเพิ่มขึ้นตามลำดับขั้น

* * * ~ พระพุทธศาสนา สอนให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงทั้งหมด เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนา จะประจำชาติไทยหรือ? หรือว่าทั่วไปหมด ไม่ว่าใครที่มีความเข้าใจธรรมโดยไม่จำกัดโดยประเทศไหนชาติไหนก็ตาม ไม่ใช่ว่าเป็นของเราหรือว่าไม่ใช่ว่าเป็นศาสนาของเรา (เพราะ) ไม่มีเรา ไม่มีของเรา แต่มีความจริง ใครนับถือความจริงและเข้าใจความจริง เขาก็นับถือพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้น ไม่ใช่อยู่ที่แผ่นดิน แต่ว่าอยู่ที่คน เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนา ก็อยู่ที่ผู้ที่มีความเข้าใจพระพุทธศาสนา แต่ถ้าไม่เข้าใจพระพุทธศาสนาแล้วจะบอกว่านับถือพระพุทธศาสนา ถูกต้องไหม? ถ้าถูกต้อง หมายความว่าเขานับถือในสิ่งที่เขาไม่รู้ แล้วถูกต้องหรือ? ต้องค่อยๆ พิจารณาจนเป็นความเข้าใจมั่นคง เป็นอิสระพ้นจากการไม่รู้โดยประการทั้งปวง ค่อยๆ เข้าใจทีเล็กทีละน้อย เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เป็นศาสนาประจำ ประจำคืออยู่ที่นี่ แต่ไม่ใช่ประจำชาติไทย คนไทยที่ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนาเป็นชาวพุทธหรือเปล่า? ไม่ใช่ชื่อ เราไม่ต้องการชื่อ แต่ต้องการความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ใครจะเข้าใจ ก็คือ เข้าใจ เป็นเข้าใจ ใครจะเห็นผิดเข้าใจผิด ก็เป็นความเข้าใจผิดความเห็นผิด จะเปลี่ยนให้เป็นความเห็นถูก ไม่ได้ และความเห็นถูก ก็เปลี่ยนให้เป็นความเห็นผิด ไม่ได้ * * *

~ ทุกคนกำลังจะตายแน่ แต่ว่าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่กำลังจะตายอยู่แล้วทุกคน ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป อะไรมีค่าที่สุดในชีวิต?

~ การสนทนาธรรมเป็นมงคล เพราะเหตุว่า เป็นความจริงใจที่จะเข้าใจความจริง ซึ่งความจริงสามารถจะรู้ได้จากทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เราฟังคำที่พระองค์ตรัสรู้แล้ว เพื่อเข้าใจว่าพระองค์ให้เราเข้าใจถูกต้อง ไม่ใช่ให้เข้าใจผิดคิดเอาเอง เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ทำให้เราพ้นจากความเห็นผิดความเข้าใจผิดความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคนโง่หรือคนฉลาดหรือมีปัญญา?

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีปกติธรรมดาอย่างนี้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่า ไม่มีเรา เพราะตั้งแต่เกิดก็เป็นเรามาทุกชาติ ต่อไป ไม่รู้ ก็เป็นเราต่อไปอีก ด้วยความไม่รู้ จึงเห็นพระคุณสูงสุดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า ให้ (จาก) การที่ไม่เคยเข้าใจถูกเลยหลงเข้าใจผิดมานานแสนนานได้เริ่มรู้ความจริงว่าไม่มีเรา ต้องมั่นคง จึงจะศึกษาธรรม เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะจะค่อยๆ เห็น ว่า ไม่มีเรา จนกระทั่งสามารถที่จะประจักษ์แจ้งความจริงของสภาพธรรมที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ได้ ว่า แต่หนึ่งเกิดแล้วแน่นอน จึงมี แล้วก็ดับไป

~ แค่วันนี้วันเดียว ถ้ามีความเข้าใจถูก ก็เป็นจุดเริ่มต้นของชาวพุทธ

~ คำว่า อนัตตา (อนตฺตา) ภาษาไทย ก็คือ ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา ไม่ใช่ของเรา แล้วก็สูญด้วย (เพราะเหตุว่า) เกิดแล้วก็ดับไปไม่กลับมาอีกเลย ค่อยๆ มั่นคง ว่า แล้วจะเป็นเราได้อย่างไร? ค่อยๆ มั่นคงในความไม่มีเรา ทีละเล็กทีละน้อย นี่เป็นประโยชน์สูงสุดในชาติหนึ่งในชีวิตที่มีที่ยังไม่จากโลกนี้ไป ได้เข้าใจตรงนี้ แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีเลย

~ เมื่อมีปัจจัย (สิ่งที่อุปการะเกื้อกูลทำให้สภาพธรรมเกิดขึ้น) เมื่อไหร่ที่จะโกรธ โกรธก็เกิด จะไม่ให้ไม่โกรธ ก็ไม่ได้ จะให้โกรธมากๆ ในขณะที่เพียงแค่ขุ่นใจก็ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามปัจจัย ทั้งหมดเพื่อเข้าใจ ค่อยๆ มั่นคง ว่า ไม่มีเรา

~ ทั้งหมดของคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ เป็นเรื่องของปัญญาความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงทั้งหมด



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
mammam929
วันที่ 11 ก.ย. 2563

กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ และกราบอนุโมทนาอาจารย์วิทยากรและผู้ร่วมเจริญกุศลทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
petsin.90
วันที่ 11 ก.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 11 ก.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ก.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natthayapinthong339
วันที่ 11 ก.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
สิริพรรณ
วันที่ 11 ก.ย. 2563

เพราะกุศลเหตุที่เลิศด้วยปัญญาที่ได้สะสมมาแต่ปางก่อน แม้จะอยู่แสนไกลก็ไม่มีอุปสรรคที่จะได้รับฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากการถ่ายทอดของท่านอาจารย์สุจินต์ และคณะวิทยากรที่มีความรู้ ความหวังดี ความเป็นเพื่อนอย่างแท้จริง จึงยินดีในกุศลนี้อย่างยิ่งกับบุคคลากรทางการแพทย์ รพ. ปัตตานี ที่มีขณะหนึ่งที่ประเสริฐ ตลอด 3 ชม. ได้ฟังความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชาตินี้

เริ่มต้นด้วยเข้าใจว่า ทุกอย่างที่มีจริง เป็นธรรม ไม่ใช่เรา

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง และกราบยินดีในกุศล อ.วิทยากร และทีมงานของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาทุกท่าน รวมทั้้งผู้มีส่วนในการประสานการจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และคุณค่ามหาศาลในชีวิต ครั้งหนึ่งของชาวพุทธค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nattawan
วันที่ 12 ก.ย. 2563

ค่อยๆ มั่นคงในความไม่มีเรา ทีละเล็กทีละน้อย นี่เป็นประโยชน์สูงสุดในชาติหนึ่งในชีวิตที่มีที่ยังไม่จากโลกนี้ไป ได้เข้าใจตรงนี้ แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีเลย

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Kalaya
วันที่ 12 ก.ย. 2563

ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ

6 กพ. 63 คือวันที่ดิฉันเป็นผู้เริ่มศึกษา เข่นกันและเริ่มรู้ว่า ธรรมะลึกซึ้งยากที่จะเข้าใจ_แต่จะค่อยๆ ฟังและสะสมจากการฟังและน้อมรับสิ่งที่เกิดที่ล้วนเป็นธรรมะที่ไม่ใช่เราเขาบุคคล_และการสะสมกุศลและอกุศลเป็นนามธรรมที่บังคับบัญชาไม่ได้_ตอนนี้คงเป็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่ได้รับการเติบโตบ้างแม้พียงเล็กน้อยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Korapin
วันที่ 12 ก.ย. 2563

กราบขอบพระคุณอ.สุจินต์และวิทยากรทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Kwunjai
วันที่ 13 ก.ย. 2563

ดีใจมากที่มาสนทนาธรรมที่ปัตตานี อยากให้มาสนทนาธรรมที่ยะลาบ้าง กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ