จนกว่าจะมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น

 
แล้วเจอกัน
วันที่  3 เม.ย. 2550
หมายเลข  3300
อ่าน  1,203

จาก ..การสนทนาเรื่องปฏิบัติธรรม

อาทิตย์ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๐

ผู้ฟัง ซากศพ ก็เป็นบัญญัติ ผม ขน เล็บ กระดูกก็เป็นบัญญัติไม่ใช่ปรมัตถธรรม (สติปัฏฐาน ต้องมีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์เท่านั้น) ผมก็เลยไม่แน่ใจขึ้นมาอีกครับ

ท่านอาจารย์ ค่ะโดยมากเราไปติดที่เรื่องราวที่เราอ่านและก็คำ แต่ตามความเป็นจริงสภาพ ธัมมะที่ปรากฏ สามารถที่จะปรากฏได้ทาง ตา…ใจ ในขณะนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าไม่รู้ ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็ตาม ถ้าไม่มีการฟังธรรม จะไม่มี ความเข้าใจเลยนะคะว่าสิ่งที่ปรากฏเนี่ยก็มีลักษณะเฉพาะแต่ละอย่าง เราก็ฟังเรื่องราว ของสิ่งที่ปรากฏทางตา..ใจ ทั้งๆ ที่ขณะนี้ก็เป็นอย่างนี้แหละ ตรงกับที่ได้ฟังทุกอย่าง เพราะมีสิ่งที่ปรากฏทางตา และก็มีคิดนึก และก็มีเสียง และก็มีคิดนึก เป็นต้นนะคะ แต่เมื่อไม่เข้าใจลักษณะสภาพธัมมะที่มี จากการฟังเนี่ยค่ะ รู้ว่าไม่รู้ใช่ไหมค่ะ

ผู้ฟัง จากการฟัง……

ท่านอาจารย์ ไม่รู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ แม้ฟังว่าเป็นธัมมะผู้ฟัง

ผู้ฟัง ครับ

ท่านอาจารย์ ก็เพียงได้ยินและก็เริ่มที่จะเข้าใจว่าที่เคยเป็นคน เป็นสัตว์เนี่ย พอใช้คำว่า ธรรม ก็หมายความว่า เป็นลักษณะสภาพธัมมะที่มีจริงๆ แต่ว่าไม่เคยระลึกถึงความจริงแท้ๆ ของสิ่งที่ปรากฏเลย ขณะนี้ที่ถามแล้วถามอีกนะค่ะ ว่าเห็นอะไร ตอบว่าเห็น คน แต่ถ้าไม่มีสิ่งที่ปรากฏทางตาจริงๆ เนี่ย จะนึกได้ไหมว่าสิ่งที่เห็นเป็นคนหรือว่าเป็น เก้าอี้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ปรากฏทางตาจริงๆ เนี่ย เป็นสภาพธัมมะที่มีจริงอย่างหนึ่งซึ่งไม่เคยใส่ใจ ที่จะเข้าใจว่านั่นแหละคือธัมมะ ที่จะทำให้รู้ความจริงว่า ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เพราะฉะนั้น ถ้าถูกถามนะค่ะ แล้วค่อยๆ คิด ค่อยๆ ไตร่ตรอง จะรู้ความห่างไกล ว่าที่เคยฟังและเข้าใจว่าเป็นธัมมะเนี่ย แท้ที่จริงเข้าใจระดับไหน อย่างในวิทยุก็มีนะคะ ที่ถามว่า สิ่งที่ปรากฏทางตา ร้องเพลงได้ไหม ไม่ต้องไปฟังความเห็นของใครทั้งหมด นะค่ะ แต่คิดว่าในขณะนี้ มีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาแน่นอน และก็ลองตอบเองซิคะ ว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาร้องเพลงได้ไหม ถ้าขณะนี้ไม่มีร้องเพลง สิ่งที่ปรากฏทางตา พูดได้ไหมคะ

ผู้ฟัง ไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์ เพราะอะไรคะ จักขุปสาทรูป ไม่สามารถเห็น (ตรงนี้งงไหม เพราะจักขุวิญญาณทำหน้าที่เห็น ไม่ใช่จักขุปสาทรูป หรือตา) แต่สามารถกระทบสิ่งที่ปรากฏทางตาแล้วดับ ถ้ามีความ รู้สึกว่าเห็นคนร้องเพลงนะค่ะ มีความรู้สึกเหมือนกับคนร้องเพลง ก็ลองคิดดูว่า ถ้า ไม่คิดถึงคน เพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา (สี) จะร้องเพลงได้ไหม

ผู้ฟัง ไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์ ก้อนหินร้องเพลงได้ไหมค่ะ

ผู้ฟัง ไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์ ต้นไม้ร้องเพลงได้ไหม

ผู้ฟัง ไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์ ก็ปรากฏทางตา เพราะฉะนั้น สิ่งที่ปรากฏทางตาจริงๆ นะค่ะ เป็นธาตุหรือธัมมะ ขนิดหนึ่ง ซึ่งจะรู้ว่าเพียงปรากฏ เห็นไหมค่ะว่าจะคลายความไม่รู้ และคลายความติดข้อง คลายความยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งพอเห็นก็จำรูปร่าง สัณฐานทันทีค่ะ คนนั้นก็ต่างกับคนนั้น เด็กก็ต่างกับผู้ใหญ่ อย่างนี้เป็นต้น นี่ก็คือความคิดทั้งหมดหลังเห็น เพราะฉะนั้น ก็จะเริ่มรู้ความจริงกว่าจะเข้าใจและคลายความติดข้องนะคะ คลาย ความไม่รู้ ตราบใดที่ยังไม่รู้อยู่ ที่จะกล่าวว่า ไม่ติดข้องในสิ่งที่ปรากฏและยึดถือว่าเป็น สิ่งหนึ่งสิ่งใดก็เป็นไปไม่ได้ จนกว่าจะมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น การที่จะคลายก็ต้องต่อเมื่อเริ่มจะรู้ลักษณะของสภาพธัมมะที่กำลังปรากฏทางตา


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 3 เม.ย. 2550

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 4 เม.ย. 2550

อนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 4 เม.ย. 2550

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
medulla
วันที่ 4 เม.ย. 2550

ขอบพระคุณมากค่ะ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
panee.r
วันที่ 5 เม.ย. 2550

ขออนุโมทนาและเป็นกำลังใจ ในการถอดเทปนำคำสนทนาที่ทำให้มีความเข้าใจธรรม มากขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เล็ก
วันที่ 5 เม.ย. 2550

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 17 ก.ค. 2567

ยินดีในกุศจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ