ความวิตกกังวล
ความวิตกกังวลล่วงหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆ เป็นอกุศลวิตกของผู้ที่ยังละอกุศลยังไม่ได้ซึ่งก็เป็นธรรมดาทุกๆ คนก็มีกันทั้งนั้น บางคนมีมาก บางคนมีน้อย แล้วแต่การสะสม การเจริญกุศลทุกๆ ประการก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้กุศลจิตเกิดแทนอกุศลวิตก และกุศลที่จะเป็นหนทางดับอกุศลวิตกไม่ให้เกิดอีกเลยก็คือ การอบรมเจริญปัญญาสติปัฏฐาน จนบรรลุเป็นพระอริยบุคคลเป็นลำดับขั้นจนถึงพระอรหันต์ จึงจะไม่มีอกุศลวิตกอีกเลย
ขอเชิญอ่านกระทู้ มีความฟุ้งซ่านคิดวิตกกังวลจะแก้อย่างไร
จะแก้ความวิตกกังวลได้ด้วยการอบรมปัญญา ขณะที่เราฟังธรรมะเข้าใจขณะนั้นก็คลายความวิตกกังวลได้ชั่วขณะ ความวิตกกังวลไม่ได้แก้ปัญหาอะไรได้ นอกจากเรามีปัญญา บางคนวิตกกังวลว่าไม่มีครอบครัว แล้วตอนแก่จะต้องอยู่คนเดียว ยามป่วยก็กังวลว่าไม่มีคนดูแล ถ้าเรามั่นคงในเรื่องของกรรมและศึกษาธรรมะ เจริญกุศลทุกอย่าง บุญกุศลที่ทำไว้ก็ให้ผลที่ดีแน่ ขอยกตัวอย่างจากพระไตรปิฏก
เชิญคลิกอ่านที่นี่ ... ผู้มีราตรีเดียวเจริญ [ภัทเทกรัตตสูตร]
ความวิตกกังวลเป็นสภาพธัมมะอย่างหนึ่งที่มีจริง ตามที่เราทราบกัน ความวิตกกังวลเป็นความไม่สบายใจ ดังนั้น จึงเป็นอกุศลจิตประเภทหนึ่งเรียกว่า โทสมูลจิต โทสะจะดับหมดไม่เหลือก็ต่อเมื่อเป็นพระอนาคามี ดังนั้น ก็เป็นธรรมดาที่ยังจะต้องมีความวิตกกังวลเป็นธรรมดาเพราะไม่ใช่พระอนาคามี ความวิตกกังวลก็เกิดจากเหตุปัจจัย เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็เกิดได้ แต่เราต้องมั่นคงว่าทุกอย่างเป็นธัมมะ วิตกกังวลก็เป็นธัมมะ สติปัฏฐานจึงเป็นหนทางเดียวที่จะดับความวิตกกังวลได้หมด วิธีอื่นอุบายอื่นไม่มีทางเลย เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ก็เกิดอีกเพราะยังมีกิเลส สติปัฏฐานก็คือระลึก (สติ) ว่าวิตกกังวลเป็นธัมมะไม่ใช่เรา ตราบใดที่เราพยายามหาวิธี ขณะนั้นก็ล่วงเลยการรู้ความจริงหรือตัวจริงของสภาพธัมมะนั้นแล้วครับ ค่อยๆ ฟังเรื่องสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ไปเรื่อยๆ จะเป็นหนทางเดียวที่จะดับความวิตกกังวลได้จริงๆ ครับ
ธรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้วย่อมนำสุขมาให้