เมื่อผู้ป่วยโรคซึมเศร้าพยายามไม่รับการรักษา จะทำยังไงดีคะ
รู้สึกเป็นห่วงเพื่อนท่านนึงค่ะที่ป่วยเป็นโรคนี้ เขาพยายามผลักไสจากการช่วยเหลือทุกทาง เขาบอกว่าเขามีความสุขกับการที่จะอยู่กับความเศร้า และมีความสุขกับการที่ได้อยู่ในห้องมืดๆ พวกเรารวมทั้งเพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้พยายามให้กำลังใจ ให้ความรักความอบอุ่นตลอดจนความห่วงใยกับเขา แต่เขากับบอกว่าอยากให้พวกเราทำแบบนี้กับคนอื่น และให้ปล่อยเขา พวกเราห่วงว่าถ้าอาการไม่ดีขึ้น วาระสุดท้ายคงจะหนีไม่พ้นจากอบาย พวกเราเสียใจ เขาเป็นเพื่อนที่พวกเรารักสุดหัวใจ เขาใจดีมาก เคยเป็นผู้ที่พยายามช่วยเหลือผู้อื่น แทบไม่เคยด่าใคร เวลาจะพูดชอบพูดให้คนอื่นมีความสุข แต่บั้นปลายไม่น่าที่จะมีชีวิตแบบนี้เลย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ทุกคนก็มีกรรมเป็นของๆ ตน ไม่มีใครต้านทาน จัดการอะไรได้ เพราะธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ความเข้าใจถูกเช่นนี้ ย่อมเข้าใจโลกตามความเป็นจริง ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ทุกคนอยากสุข ไม่อยากทุกข์ แต่ตราบใดที่ไม่รู้ความจริงว่าเป็นธรรม มีแต่ธรรมไม่ใช่เรา ก็ยึดถือว่ามีเรา มีเขา มีเพื่อนของเรา แต่ความจริงไม่มีใคร มีแต่ธรรมแต่ละหนึ่ง ห้ามกิเลสไม่ให้ทุกข์ไม่ได้ เพราะสะสมกิเลสมามาก เห็นโทษของกิเลสตามความเป็นจริง เพราะไม่รู้ความจริงว่าเป็นธรรม สัตว์โลกจึงท่องเที่ยวไป ประสบทุกข์มากมาย ทั้งทุกข์กาย ทุกข์ใจ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เพื่อรู้ความจริงและดับกิเลสเหตุแห่งทุกข์ ช่วยให้สัตว์พ้นทุกข์ด้วยการแสดงธรรมให้ผู้นั้นเกิดปัญญาความเข้าใจถูกดังเช่นพระองค์
เพื่อนหรือตัวเราเองจะไม่ทุกข์ ไม่ประสบทุกข์เลย ถ้าไม่มีการเกิด ไม่มีกิเลส แต่เพราะมีเหตุให้เกิด คือ กิเลส จึงไม่มีทางพ้นทุกข์ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เหล่านี้ที่ประสบทุกข์ด้วยตนเองและผู้อื่น ก็จะเป็นเครื่องเตือนให้ไม่ประมาท และ แสวงหาหนทางการดับทุกข์ที่มีทางเดียว คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม มั่นคงในกรรม ที่จะเป็นที่พึ่งที่ประเสริฐที่สุด ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ ๓๗๓
“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย โรค ๒ อย่างนี้ โรค ๒ อย่าง เป็นไฉน? คือ โรคกาย ๑ โรคใจ ๑ ปรากฏอยู่ว่า สัตว์ทั้งหลาย ผู้ยืนยันว่าไม่มีโรคทางกายตลอดเวลา ๑ ปี ก็มี ยืนยันว่าไม่มีโรคทางกายตลอดเวลา ๒ ปี ก็มี ๓ ปี ก็มี ๔ ปี ก็มี ๕ ปี ก็มี ๑๐ ปี ก็มี ๒๐ ปี ก็มี ๓๐ ปี ก็มี ๔๐ ปี ก็มี ๕๐ ปี ก็มี ๑๐๐ ปี ก็มี ยิ่งกว่า ๑๐๐ ปีก็มี แต่ว่าผู้ที่จะยืนยันว่า ไม่มีโรคทางใจแม้เพียงเวลาครู่เดียวนั้น หาได้ยากในโลก เว้นแต่พระขีณาสพ (พระอรหันต์) ”
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ ๒๐
พระพุทธเจ้า เปรียบเหมือนแพทย์ผู้ฉลาด เพราะทรงสามารถกำจัดพยาธิคือกิเลสพร้อมทั้งอนุสัย (กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในจิต) ออกได้ พระธรรม เปรียบเหมือนเภสัชยาที่ทรงปรุงถูกต้องแล้ว พระสงฆ์ผู้มีพยาธิคือกิเลสและอนุสัยอันระงับแล้ว เปรียบเหมือนหมู่ชนที่พยาธิระงับแล้ว เพราะการใช้ยา
คิดว่าคนนั้นคนนี้เป็นโรค แต่ที่ควรจะได้พิจารณา คือ โรคที่แต่ละคนคิดไม่ถึง ได้แก่ โรคทางใจ คือ กิเลส เมื่อแต่ละคนยังมากไปด้วยโรคอย่างนี้ ก็เห็นใจคนที่มีกิเลสด้วยกัน สิ่งใดที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ ก็ช่วยเหลือเท่าที่จะเป็นไปได้
โรคทางใจ คือ กิเลส ทั้งหลายนั้น เป็นโรคที่เห็นยาก และมีโรคดังกล่าวนี้ด้วยกันทั้งนั้น (ยกเว้นพระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีโรคทางใจ เพราะดับกิเลสทั้งปวงได้หมดสิ้นแล้ว) จะเห็นได้จริงๆ ว่า โรคทางใจคือกิเลสเพิ่มมากขึ้นเพราะไม่มีความเข้าใจพระธรรม ซึ่งหลากหลายที่จะเป็นไปตามกำลังของกิเลส ยาที่ประเสริฐ ที่จะรักษาโรคทางใจได้ทุกประเภทจริงๆ คือ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของคำสอนของพระองค์ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลทั้งหมด แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพร้อมที่จะรับยาที่ประเสริฐนี้หรือยัง ถ้าเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็จะให้เวลากับสิ่งที่มีค่าที่สุดนี้ แต่ถ้าไม่ได้สะสมเหตุที่ดีมา ไม่เห็นประโยชน์ ก็ไม่รับ ซึ่งใครๆ ก็บังคับบัญชาไม่ได้ ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ ช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้ เขาขีดเส้นให้ตัวเอง อยู่ในโลกส่วนตัว สะสมและกอดไว้ในสิ่งที่ไม่มี คงไปวุ่นวายอะไรมากไม่ได้ ยิ่งใกล้ยิ่งห่าง ถ้าเขามีคนที่ไว้วางใจที่จะพูดคุยได้ในเรื่องที่เขาทุกข์ เขาน่าจะดีขึ้นได้ แต่ ความไว้วางใจ ก็เกิดจากจิตของเขาเอง ปรารถนาดีต่อเขา แต่จะไม่ทุกข์กับเขา ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ตามเส้นทางกรรมที่ได้สะสมมา ขอภาวนาให้สถานการณ์ดีขึ้นนะคะ