อดทน เพราะเหตุว่าพระธรรมไม่ใช่ว่าฟังแล้วจะเข้าใจทันที
หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๒๔๘]
อดทน เพราะเหตุว่าพระธรรมไม่ใช่ว่าฟังแล้วจะเข้าใจทันที
คุณกฤษณา สิทธิรักษ์ : ในปัจจุบันนี้มีสถานีวิทยุหลายๆ สถานีทีเดียวที่เสนอรายการธรรม แล้วก็มีผู้บรรยายธรรมก็มีหลายท่าน แล้วมีหลายรายการที่เสนอสิ่งที่ไม่ได้ทำความเห็นให้ตรง เพราะฉะนั้น คงจะมีผู้ฟังรายการเหล่านั้นไม่น้อยทีเดียวที่เขาได้ฟังในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น สุตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการฟัง จะเกิดได้อย่างไร แล้วก็จะได้รับอานิสงส์ในประการที่ทำความเห็นให้ตรงนี้ได้อย่างไร ขอเรียนถามอาจารย์สุจินต์
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ : ยาก สำหรับคนที่ไม่ได้สะสมมาที่จะไตร่ตรองธรรม แล้วก็จะรู้ว่าสิงที่ได้ยินได้ฟังนั้นถูกต้องไหม แต่ว่าผู้ที่มีเหตุผลและก็เป็นผู้ที่ตรง เมื่อฟังก็ย่อมพิจารณาได้ แต่ว่าแล้วแต่กรรมในอดีต ถ้าเป็นผู้ที่เคยสะสมบุญไว้ในปางก่อน ก็มีโอกาสที่จะได้ฟังสิ่งที่ถูก แต่ว่าบางคนมีศรัทธามาก แล้วก็อยากจะฟังธรรม แต่ว่าฟังสิ่งซึ่งไม่ใช่ธรรม แล้วก็มีความเชื่อ เพราะเหตุว่า ไม่เคยได้ยินได้ฟังสิ่งที่ถูกต้องมาก่อน เพราะฉะนั้น บางคนก็บอกว่าเขาฟังธรรมมาตั้ง ๒๐ ปี แต่ว่าไม่เคยพบพระธรรมจริงๆ เพราะฉะนั้น สายเกินไปหรือว่าทำไมเขาถึงได้ช้าเกินไปที่จะได้พบได้ฟังธรรม นี่ก็เป็นสิ่งซึ่งแล้วแต่บุญกรรมซึ่งทุกคนก็จะเห็นได้จริงๆ ว่า ตอนที่ทุกคนเป็นเด็กก็คงไม่คิดหรอกว่าจะมานั่งทีนี่ ใช่ไหม? แล้วก็จะมาฟังพระอภิธรรมด้วย หรือว่าฟังธรรมซึ่งเป็นสภาพธรรมขณะนี้ตามความเป็นจริง เพราะว่าบางคนพอสนทนาด้วยเขาก็บอกว่า เขารู้แล้ว ฟังธรรมมาตั้งหลายปีแล้ว และอ่านหนังสือมาเยอะแล้ว แต่ว่าสิ่งที่พูดแสดงถึงความสับสน แล้วก็การที่ไม่เข้าใจจริงๆ เพราะฉะนั้น ก็ต้องเริ่มให้ถูกต้อง เพราะเหตุว่า มีบุญมาแล้ว จึงได้ฟังพระธรรม เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะได้สะสมบุญต่อไปที่ว่าเป็นผู้ที่อดทนจริงๆ เพราะเหตุว่าพระธรรมไม่ใช่สิ่งซึ่งฟังแล้วเข้าใจทันที และอีกประการหนึ่ง ถึงแม้ว่าเข้าใจแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะรู้จักธรรมที่ได้ฟังทันที เช่น ขณะนี้เป็นธรรม ทุกคนก็พูดตามกันได้ทั้งนั้นแหละ ใช่ไหม? ไม่มีอะไรเลยซึ่งไม่ใช่ธรรม ต้องเป็นนามธรรมหรือรูปธรรมเท่านั้น ตั้งแต่เกิดจนตาย ก็พูดซ้ำไปซ้ำมาได้ แต่ว่ารู้จักตัวธรรมจริงๆ ในขณะที่กำลังเห็น ในขณะที่กำลังได้ยิน ในขณะที่กำลังคิดนึก เรียกว่าทุกขณะในชีวิต ว่า เป็นธรรมจริงๆ อย่างที่พูดหรือเปล่า
เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่า ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจปัญญาต่างขั้น ว่าปัญญาขั้นฟัง เพียงฟังเรื่องของสภาพธรรม เพื่อที่จะได้เวลาที่มีความเข้าใจอย่างมั่นคงว่าไม่มีเราแล้วก็เป็นแต่เพียงธรรม เป็นปัจจัยให้มีการระลึกลักษณะของปรมัตถธรรม เพราะว่า สภาพธรรมเป็นปรมัตถธรรม ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ในขณะนี้ทางตาที่กำลังเห็นก็เป็นปรมัตถธรรม ทางหูที่กำลังได้ยิน เย็น ร้อนอ่อนแข็ง ความคิดทุกอย่าง เรียกว่าเป็นสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรม แต่ว่า ถ้ามีความจำอย่างมั่นคงว่า ไม่มีเรา แต่เป็นปรมัตถธรรม ก็จะทำให้มีการระลึกที่ลักษณะของปรมัตถ์
เพราะฉะนั้น ปัญญาขั้นฟังก็ขั้นหนึ่ง คือ ฟังเรื่องราว แต่ว่าสติยังไม่ได้ระลึกที่ลักษณะของปรมัตถธรรม ส่วนปัญญาอีกขั้นหนึ่งซึ่งก็เป็นการศึกษาโดยสติเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏให้ตรงกับที่เคยเข้าใจ เพราะฉะนั้น ก็ต้องเป็นเรื่องของความอดทนอย่างมากๆ อย่าทิ้งไปสู่ข้อปฏิบัติที่คิดว่าง่ายและก็รวดเร็ว แต่ว่าไม่สามารถที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ทุกคนก็คงจะไม่ลืมพระโอวาทปาติโมกข์ คือ ขันติ ความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง เป็นธรรมที่จะเผาความไม่รู้ ที่จะเผากิเลส ที่จะละคลายความไม่รู้ไปเรื่อยๆ
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย