ดินที่ปลายเล็บกับดินในมหาปฐพี

 
vatin
วันที่  4 ต.ค. 2563
หมายเลข  33060
อ่าน  5,157

พระพุทธเจ้าสอนว่าวิญญาณที่เกิดเป็นมนุษย์นั้นเท่ากับเพียงเศษดินติดปลายเล็บ ขณะผู้ไปเกิดในนรกและสัตว์เดรัจฉานนั้นเท่ากับดินในมหาปฐพี ทำไมถึงเป็นอัตาส่วนที่ต่างกันลิบลับ แทบจะหมดหวังว่าจะมาเกิดเป็นมนุษย์ ดินในมหาปฐพีที่ว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานกับสัตว์นรกนั้น คือนับรวมเหล่ามดแมลงทั้งหลายหรือไม่ ถ้าเช่นนั้นก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมถึงมีมากมายกว่ามนุษย์ขนาดนี้ แล้วในนรกอีกนั่นเล่า ทำไมถึงมีคนบาปขนาดนี้ จากคำสอนเรื่องนรกที่ว่าแม้นรกขั้นตื้นที่สุดก็ถูกลงโทษด้วยการทิ่มแทงด้วยหอกดาบ ถูกเผาไหม้ด้วยไฟ นับพันนับหมื่นปี กรรมอะไรที่ทำให้ต้องได้รับโทษขนาดนี้ ในโลกมนุษย์การลงโทษที่หนักที่สุดก็คือการประหารให้สิ้นชีวิตไปเท่านั้น จะมีความผิดใดหนอที่ต้องทำให้ได้รับโทษในนรกขนาดนั้น แถมเป็นวิญญาณส่วนมากด้วยที่ต้องอยู่ในสภาพเช่นนั้น ต้องเป็นกรรมจากการฆ่าคนเป็นหมื่นเป็นแสนคนอย่างนั้นหรือ แต่ในประวัติศาตร์ก็มีเพียงไม่กี่คนที่ก่อกรรมขนาดนี้ วิญญาณเท่าดินในมหาปฐพีที่ต้องรับกรรมในนรกนั้นเกิดจากทำกรรมใดหนอ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 6 ต.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒

“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีประมาณน้อย สัตว์ไปเกิดในกำเนิดอื่นจากมนุษย์ มีมากกว่ามากทีเดียว

อ้างอิงจากหัวข้อ ...

สัตว์ที่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีประมาณน้อย [นขสิขาสูตร]


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖- หน้าที่ ๑๗๘

"เดี๋ยวนี้ มหาชนพากัน ประมาทประพฤติอธรรม ตายไปๆ แออัดอยู่ในอบาย เทวโลกดุจว่างเปล่า"

(พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก มหากัณหชาดก)


[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๖๘

คนหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น คนทำเหตุดี ย่อมได้ผลดี ส่วนคนทำเหตุชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว



แต่ละคน ก็เป็นแต่ละหนึ่ง เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นบุคคลนี้อีก ย่อมสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ทันทีที่จุติจิตเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ตายแล้วก็เกิดทันที สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ขึ้นอยู่กับว่ากรรมใดจะให้ผลนำเกิด เพราะถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมก็ทำให้เกิดในอบายภูมิ เกิดเป็นสัตว์นรก เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ ก็ตาม เกิดเป็นเปรต เกิดเป็นอสุรกาย ตามควรแก่กรรม แต่ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมแล้ว ก็ทำให้เกิดในสุคติภูมิเท่านั้น เกิดเป็นมนุษย์ หรือ เกิดเป็นเทวดาทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น


ที่ไปเกิดในอบายภูมิ เป็นส่วนใหญ่ ก็มาจากเหตุ โดยไม่มีใครทำให้เลย เหตุที่จะทำให้เกิดในอบายภูมิ คือ อกุศลกรรมที่แต่ละคนได้กระทำแล้ว เท่านั้น อาศัยความประมาทเพียงนิดเดียวก็จะนำพาเราไปสู่ที่ต่ำคืออบายภูมิได้โดยง่ายทีเดียว อบายภูมิ เป็นภูมิที่ไปได้โดยง่ายมาก อย่าคิดว่าจะไม่ไป เพราะบุคคลที่ไม่ไปเกิดในอบายภูมิอีกเลย ก็คือ พระอริยบุคคลขั้น พระโสดาบันบุคคล ขึ้นไป ซึ่งจะเป็นผู้ประมาทไม่ได้เลยทีเดียว พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทุกส่วน ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมและปัญญา ขัดเกลาละคลายสิ่งที่ไม่ดี โดยประการทั้งปวง

การเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผลของกุศลกรรม อย่างเช่นในชาตินี้ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว เป็นการได้ที่ได้ยากแสนยาก สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงสำหรับชีวิตทุกชีวิต ก็คือ ความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ความเข้าใจพระธรรม อันเกิดจากการมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งไม่ง่ายที่จะได้ฟัง และไม่ง่ายที่จะเข้าใจ จะต้องอาศัยความอดทน ความเพียร ความจริงใจ ในการฟัง การศึกษาอย่างแท้จริง และที่สำคัญ ความดีทุกอย่างจะเจริญขึ้น เมื่อมีความเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ครับ

ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

ธรรมเตือนใจแด่คุณประมาท

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 7 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
papon
วันที่ 9 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
talaykwang
วันที่ 13 ต.ค. 2563

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
มกร
วันที่ 5 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปฏิบัติมาสิบปี
วันที่ 1 พ.ย. 2566

อนุโมทนา สาธุครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ