ปลูกสมุนไพรให้โยม

 
Peet
วันที่  16 ต.ค. 2563
หมายเลข  33105
อ่าน  658

พอดีหลวงพี่ปลูกฟ้าทะลายโจรไว้ในกระถาง โดยใช้ดินของวัดปลูก แล้วหลวงพี่ตั้งใจจะให้โยมนำไปปลูกเป็นพืชสมุนไพรไว้ใช้ประโยชน์ การที่หลวงพี่นำดินของวัดให้โยมไปเป็นบาปหรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ต.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การปลูกต้นไม้ ถ้าปลูก เพื่อตน โดยการประจบคฤหัสถ์ อย่างนี้ผิดพระวินัย ไม่สมควร แต่การปลูก เพื่อคนอื่น เพื่อร่มเงาแด่สงฆ์ กับส่วนรวม หรือ ปลูกเพื่อเคารพบูชา โดยไม่ใช่เพื่อประจบแจง อย่างนี้ ไม่ผิดพระวินัย ครับ ซึ่งตัวอย่างที่ยกมาก็เป็นการประจบคฤหัสถ์ และ นำสิ่งที่อยู่ในวัด ดิน ในวัดไปก็ไม่สมควรครับ

พระธรรมของพระพุทธเจ้าจึงเป็นไปเพื่อละ สละขัดเกลากิเลส ทั้งทางกาย วาจาและใจ แม้แต่เพศพระภิกษุ ก็บัญญัติสิกขาบทให้เหมาะสม สมควรกับเพศพระภิกษุ อันเป็นไปเพื่อละกิเลส ตามระดับต่างๆ และเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม และเป็นไปเพื่อประชุมชนเกิดความเลื่อมใส และเกิดกุศลธรรม

เมื่อเห็นการกระทำของพระภิกษุ ควรอย่างยิ่งที่คฤหัสถ์ ควรศึกษาพระวินัยเท่าที่ทำได้ และ พระภิกษุ ก็ควรน้อมประพฤติ ปฏิบัติตาม ด้วยความเคารพ ก็จะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของ พระศาสนา เพราะเกิดจากความเข้าใจพระธรรมของพุทธบริษัท ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 ต.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระภิกษุเป็นเพศที่สูงยิ่ง ได้สละอาคารบ้านเรือน ทรัพย์สมบัติทั้งหมด ออกบวชเพื่อประพฤติคล้อยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะได้ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ประพฤติตามพระวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้แล้ว ขัดเกลากิเลสของตนเอง จะทำกิจเหมือนอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้ เพราะได้สละเพศคฤหัสถ์แล้ว

ที่ควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ การสงเคราะห์คฤหัสถ์อย่างที่คฤหัสถ์เขาทำกัน นั่นไม่ใช่หน้าที่ของภิกษุ แต่เป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์ คฤหัสถ์ที่เข้าใจพระธรรมวินัย มาพบพระภิกษุ ก็คงไม่ใช่เพราะอยากได้สมุนไพรหรือวัตถุสิ่งของ แต่ต้องการฟังพระธรรมจากพระภิกษุ และพระภิกษุที่เข้าใจพระธรรมวินัย จะไม่ทำสิ่งใดที่ผิดพระวินัยอันเป็นการพอกพูนกิเลสเพิ่มโทษให้กับตนเอง เพราะเหตุว่า ธุระหน้าที่สำคัญของภิกษุมี ๒ อย่าง คือ คันถธุระ ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และ วิปัสสนาธุระ อบรมเจริญปัญญา รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งคฤหัสถ์ไม่สามารถที่จะทำธุระ ๒ อย่างนี้ได้มากและเต็มที่เหมือนอย่างภิกษุ เพราะฉะนั้น คฤหัสถ์ช่วยคฤหัสถ์ด้วยกันในด้านต่างๆ ส่วนภิกษุก็ช่วยคฤหัสถ์ที่ไม่เข้าใจธรรมให้ได้เข้าใจธรรม ตามข้อความใน

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ พหุการสูตร ดังนี้

“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย เป็นผู้มีอุปการะ มากแก่เธอ
ทั้งหลาย บำรุงเธอทั้งหลายด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและ คิลานปัจจัยเภสัชบริขาร แม้เธอทั้งหลายก็จงเป็นผู้มีอุปการะมากแก่พราหมณ์ และคฤหบดีทั้งหลาย จงแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลางงามในที่สุด จงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่พราหมณ์และคฤหบดีเหล่านั้นเถิด ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คฤหัสถ์และบรรพชิตทั้งหลาย ต่างอาศัยซึ่งกันและกันด้วยอำนาจอามิสทานและธรรมทาน อยู่ประพฤติพรหมจรรย์นี้ เพื่อต้องการสลัดโอฆะ
(กิเลสที่เป็นห้วงน้ำใหญ่ที่ทำให้หมู่สัตว์จมลงในสังสารวัฏฏ์) เพื่อจะทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบ ด้วยประการอย่างนี้”

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
talaykwang
วันที่ 16 ต.ค. 2563

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 16 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 21 ต.ค. 2563

ถ้าบวชแล้วไม่ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจบวชแล้วมีโทษมากค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ