เจลสูตร ว่าด้วยการมีธรรมเป็นเกาะเป็นที่พึง
[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หนาที่ 443
๔. เจลสูตร
วาดวยการมีธรรมเปนเกาะเปนที่พึง
[๗๔๑] สมัยหนึ่ง เมื่อพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะปรินิพพานแลวไมนาน พระผูมีพระภาคเจาประทับอยูแทบฝงแมน้ําคงคา ใกลอุกกเจลนครในแควนวัชชี กับพระภิกษุสงฆหมูใหญ. ก็สมัยนั้น พระผูมีพระภาคเจาอันภิกษุสงฆแวดลอมแลว ประทับนั่งที่กลางแจง. ครั้งนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงชําเลืองดูภิกษุสงฆผูนิ่งอยู แลวตรัสกะภิกษุทั้งหลายวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็บริษัทของเรานี้ปรากฏเหมือนวางเปลา เมื่อสารีบุตรและโมคคัลลานะยังไมปรินิพพาน สารีบุตรและโมคคัลลานะอยูในทิศใด ทิศนั้นของเรายอมไมวางเปลา ความไมหวงใยยอมมีในทิศนั้น.
[๗๔๒] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา แมเหลาใด ไดมีมาแลวในอดีตกาล พระผูมีพระภาคเจาแมเหลานั้นก็มีคูสาวกนั้นเปนอยางยิ่งเทานั้น เหมือนกับสารีบุตรและโมคคัลลานะของเรา. พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจา แมเหลาใด จักมีในอนาคตกาล พระผูมีพระภาคเจาแมเหลานั้นก็จักมีคูสาวกนั้นเปนอยางยิ่งเทานั้น เหมือนกับสารีบุตรและโมคคัลลานะของเรา
[๗๔๓] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เปนความอัศจรรยของสาวกทั้งหลาย เปนเรื่องที่ไมเคยมีมาของสาวกทั้งหลาย สาวกทั้งหลายจักกระทําตามคําสอน และกระทําตามโอวาทของพระศาสดา และจักเปนที่รักเปนที่ชอบใจ เปนที่ตั้งแหงความเคารพและสรรเสริญของบริษัท ๔ เปนความอัศจรรยของตถาคต เปนเรื่องที่ไมเคยมีมาของตถาคต เมื่อคูสาวกแมเห็นปานนี้ปรินิพพานแลว ความโศกหรือความร่ําไรก็มิไดมีแกตถาคต เพราะฉะนั้น จะพึงไดขอนี้แตที่ไหน สิ่งใดเกิดแลว มีแลว ปจจัยปรุงแตงแลว มีความทําลายเปนธรรมดา การปรารถนาวา ขอสิ่งนั้นอยาทําลายเลย ดังนี้ มิใชฐานะที่จะมีได.
[๗๔๔] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนตนไมใหญ มีแกนดังอยูลําตนที่ใหญกวาพึงทําลายลง ฉันใด เมื่อภิกษุสงฆหมูใหญซึ่งมีแกน ดํารงอยู สารีบุตรและโมคคัลลานะปรินิพพานแลว ฉันนั้นเหมือนกัน. เพราะฉะนั้น จะพึงไดในขอนี้แตที่ไหน. สิ่งใดเกิดแลว มีแลว ปจจัยปรุงแตงแลว มีความทําลายเปนธรรมดา การปรารถนาวา ขอสิ่งนั้นอยาทําลายไปเลย ดังนี้ มิใชฐานะที่จะมีได เพราะเหตุนั้นแล ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงมีตนเปนเกาะ มีตนเปนที่พึ่ง อยามีสิ่งอื่นเปนที่พึ่ง คือ มีธรรมเปนเกาะ มีธรรมเปนที่พึ่ง อยามีสิ่งอื่นเปนที่พึ่งอยูเถิด.
[๗๔๕] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมีตนเปนเกาะ มีตนเปนที่พึ่ง ไมมีสิ่งอื่นเปนที่พึ่งคือ มีธรรมเปนเกาะ มีธรรมเปนที่พึ่ง ไมมีสิ่งอื่นเปนที่พึ่งอยูอยางไร. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยอมพิจารณาเห็นกายในกายอยู ... พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู ... พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กําจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมีตนเปนเกาะ มีตนเปนที่พึ่ง ไมมีสิ่งอื่นเปนที่พึ่ง คือมีธรรมเปนเกาะ มีธรรมเปนที่พึ่ง ไมมีสิ่งอื่นเปนที่พึ่งอยูอยางนั้นแล
[๗๔๖] ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุพวกใดพวกหนึ่งในบัดนี้ก็ดี ในกาลที่ลวงไปแลวก็ดี จักเปนผูมีตนเปนเกาะ มีตนเปนที่พึ่ง ไมมีสิ่งอื่นเปนที่พึ่ง คือ มีธรรมเปนเกาะ มีธรรมเปนที่พึ่ง ไมมีสิ่งอื่นเปนที่พึ่งอยู. ภิกษุเหลานี้นั้นเปนผูใครตอการศึกษา จักเปนผูเลิศ.
จบเจลสูตรที่ ๔
* พมาเปน ปรินิพฺพุเตสุ ปรินิพพานแลว. ๒. ยุโรปและพมาเปน สฺุญา เม ภิกฺขเว ปริสา
โหติ บริษัทของเราก็วางเปลาไป.
ลิงก์ไปที่กระทู้ ...
อรรถกถาเจลสูตร
พึงทราบอธิบายใน เจลสูตรที่ ๔
บทวา เมื่อพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ปรินิพพานแลวไมนาน ความวา เมื่อพระอัครสาวกทั้งสองปรินิพพานนานแลวหามิได ก็บรรดาพระอัครสาวกทั้งสองนั้น พระธรรมเสนาบดี ปรินิพพานในวันเพ็ญ เดือนสิบสอง จากนั้นลวงมาครึ่งเดือน ในวันอุโบสถแหงกาฬปกขกึ่งเดือน นั้น พระมหาโมคคัลลานะจึงปรินิพพาน พระศาสดา เมื่อพระอัครสาวกทั้งสองปรินิพพานแลว มีหมูภิกษุใหญแวดลอมเสด็จจาริกไปในมหามณฑลชนบท
เสด็จถึงอุกกเจลนครโดยลําลับ เสด็จไปบิณฑบาตในอุกกเจลนครนั้น แลวประทับอยูบนหาดทรายมีสีดุจแผนเงิน ที่ฝงแมน้ําคงคา
เพราะเหตุนั้น ทานจึงกลาววา เมื่อพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ปรินิพพานแลวไมนาน. แมไมบทวา ลําตนที่ใหญกวาเหลานั้นใด พึงทําลาย มีอธิบายวา หมู ภิกษุเปรียบเหมือนตนหวาใหญสูงรอยโยชน พระอัครสาวกทั้งสองเปรียบเหมือน ลําตน ที่ใหญทั้ง ๒ ประมาณหาสิบโยชนที่แผไปทั้งเบื้องขวา และเบื้องซายแหง ตนไมนั้น. คําที่เหลือ ควรประกอบในนัยกอนนั่นเทียว.
จบอรรถกถาเจลสูตรที่ ๔
ลิงก์ไปที่กระทู้ ...