ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๐

 
khampan.a
วันที่  1 พ.ย. 2563
หมายเลข  33212
อ่าน  1,739

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๐
* *


~ พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่ประเสริฐที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด เพราะสามารถที่จะทำให้จากที่มีความไม่ดี มีความไม่รู้ เป็นค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริงซึ่งจะไม่นำไปสู่ความไม่สงบเมื่อมีปัญญา

~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นที่เคารพสูงสุดที่จะไม่ประมาท ที่จะรู้ว่าฟังเท่าไหร่? เข้าใจแค่ไหน? เทียบกับที่พระองค์ทรงแสดงความจริง ๔๕ พรรษาโดยละเอียดยิ่ง โดยประการทั้งปวง เพื่อให้ผู้ที่ไม่รู้ ค่อยๆ ละความไม่รู้ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นเลยทั้งสิ้น ไม่กี่วันก็จากโลกนี้ไปแล้ว รู้อะไรบ้างในโลกนี้ที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดตั้งแต่เกิด ไม่รู้เลย ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม และชาติต่อไปก็เป็นอย่างนี้ ชาติก่อนก็เป็นอย่างนี้ ตราบใดที่ไม่ได้ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ

~ ต้องพิจารณาไตร่ตรองตั้งแต่คำแรก "ธรรมทั้งหลายทั้งหมด ไม่เว้นเลย เป็นอนัตตา" พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแล้วเป็นจริงอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย ค่อยๆ คล้อยตามไปทุกคำของพระองค์ ไม่ลืมว่าไม่มีเรา

~ การพูดความจริงให้เข้าใจความถูกต้อง เป็นประโยชน์ และเป็นเพื่อนเป็นผู้ที่หวังดีจริงๆ ที่จะให้พ้นจากความเห็นผิด ไม่ใช่เป็นการไปทำร้ายใครเลย แต่เป็นการให้พ้นจากการถูกทำลายด้วยความเห็นผิด

~ คนที่มีความเห็นผิด เขาไม่รู้หรอกว่าเขามีความไม่รู้ เขาคิดว่าเขารู้

~ ประโยชน์สูงสุดที่ได้เข้าใจความจริง ก็คือ เห็นว่าคนอื่นก็ควรที่จะได้เข้าใจความจริงด้วย เพราะอะไร? เพราะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกชีวิตในสังสารวัฏฏ์ หาค่าเปรียบมิได้เลย

~ เป็นเรามานานเท่าไหร่ เกิดเป็นอะไรๆ ก็เป็นเราหมด แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมี เพื่อที่จะรู้ความจริง ว่า ไม่มีเรา

~ ต้องพิจารณาว่าประโยชน์สูงสุดคืออะไร? คือ ปัญญาที่สามารถเข้าใจความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้และตรัสแสดงไว้โดยประการทั้งปวงเพื่ออนุเคราะห์ให้มีความเห็นที่ถูกต้องว่า ไม่มีเรา

~ มิตรไม่ใช่ศัตรู มิตรตรงกันข้ามกับศัตรู มิตรคือผู้ที่หวังดีต่อหน้าและลับหลัง ทั้งกาย วาจา ใจ ไม่คิดร้ายต่อเพื่อน เพราะฉะนั้น หายากหรือหาง่าย? เห็นกัน เดี๋ยวก็โกรธกัน มิตรหรือเปล่าขณะที่โกรธ?

~ การฟังพระธรรม จะมีประโยชน์ทั้งหมด ทุกกาล บางทีโอกาสนี้อาจจะไม่สามารถประพฤติปฏิบัติตามได้ แต่เมื่อฟังไปๆ ก็ย่อมมีปัจจัยที่จะทำให้กุศลธรรมเจริญขึ้น และอกุศลก็ค่อยๆ ลดลง

~ ปัญญาจะนำไปในกิจทั้งปวงที่ดี ปัญญา ไม่ทำให้ฆ่าใครโกรธใครเกลียดใคร เพราะปัญญารู้ว่า ขณะที่โกรธ เกลียด นั้น อกุศลเกิดแล้วที่ตัวเอง บุคคลที่เราโกรธ เขาก็สบายดี เพราะฉะนั้น อกุศลที่เกิดกับเรานี่แหละที่จะให้ผลกับเรา เป็นโทษกับเรา เพราะฉะนั้น เมื่อรู้อย่างนี้ ก็มีความเป็นมิตรมากกว่าที่จะโกรธ

~ ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ แต่สวดมนต์แล้วไม่เข้าใจ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่ออะไร? เพื่อให้เข้าใจความจริงโดยคำที่พระองค์ตรัส แต่ไม่ใช่ให้พูดคำที่ไม่รู้จัก เพราะฉะนั้น ประโยชน์อยู่ที่ว่าจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อได้เข้าใจธรรมจากพระธรรมที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว

~ เห็นประโยชน์ของความดีมากแค่ไหน ถ้าเห็นว่าความดี มีประโยชน์มาก มีหรือที่จะรีรอ (ในการทำความดี) เพราะฉะนั้น ก็เป็นไปตามความเข้าใจทั้งหมด ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

~ กุศลธรรมก็เป็นกุศลธรรม อกุศลธรรมก็เป็นอกุศลธรรม เมื่อทำสิ่งที่ดีแล้ว ผลที่ดีก็ต้องมีในภพชาติต่อไป แต่ถ้าทำสิ่งที่ไม่ดีแล้ว ภพชาติต่อไปจะเป็นอย่างไร ทำไมไม่คิดถึง

~ "ติดข้อง ในสิ่งที่ไม่มี" ประโยคนี้จำไว้ได้เลยทุกชาติไป จะได้ค่อยๆ ละ ค่อยๆ คลาย ถ้าไม่มีประโยคนี้ ก็ติด คิดว่ามีอยู่ตลอด

~ ชาตินี้ ก็ทำดีที่สุด พอถึงชาติหน้าจะได้ไม่เสียใจว่ารู้อย่างนี้ ชาติที่แล้วทำความดีเสียก็ดี

~ ถ้ารู้จักความดี ก็รู้ว่า ผู้ที่มีคุณที่อุปการะที่เลี้ยงดู ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงหรือใครก็ตาม ความดี เป็นความดี แล้วจะเห็นคุณค่าเห็นคุณของบุคคลนั้นไหมที่เป็นคนดี? แค่นี้ ค่อยๆ มาสู่ความเป็นบุตรที่ดี เพราะเห็นคุณความดี

~ คนไหนถ้าไม่รู้จักว่าอะไร ดี ก็ต้องทำสิ่งที่ไม่ดีแน่นอน จะทำความดีได้อย่างไร ในเมื่อไม่รู้จักดี ว่า ดี คือ อะไร

~ จะเห็นความหลากหลายของจิตใจที่สะสมมาและความคิด ลูกบางคนไม่เคยเห็นพ่อแม่เลย แต่อยากรู้ว่าใครเป็นพ่อเป็นแม่ รักทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้เลย แสวงหาว่าใครเป็นพ่อเป็นแม่เรา ถึงจะไม่ได้เลี้ยงมาก็ยังมีความรักความผูกพันในบุคคลนั้นที่ให้กำเนิดเป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่จะให้เราเป็นคนดีหรือไม่ดี พ่อแม่ทำให้ไม่ได้ ต้องเป็นการสะสมของลูกแต่ละคนว่าจะเป็นคนดีหรือเป็นคนไม่ดี เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุด คือ รู้จักความดี แล้วก็ทำสิ่งที่ดี ตอบแทนคุณ อย่างเดียว คือ ทำดี ทำไม่ดีเมื่อไหร่ ไม่ชื่อว่าตอบแทนคุณของใครเลยทั้งสิ้น

~ ความดี คือ ความดีจริงๆ ไม่ว่าใครจะร้ายต่อเรา แต่ว่าถ้าเราเป็นคนดี ไม่เดือดร้อนเลย ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความดีของเราที่ไม่โกรธตอบให้เป็นความโกรธได้ เพราะฉะนั้น ดี ชั่ว อยู่ที่ไหน? ก็อยู่ที่ตนเอง ใครเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น จะไปโทษใครไม่ได้เลย ใช่ไหม? ทำไมไม่เหมือนกัน แล้วจะให้เหมือนกันก็ไม่ได้ ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

~ อันตรายที่มองไม่เห็นยิ่งกว่าอันตรายอื่น ก็คือ ชาวพุทธที่เข้าใจว่าตัวเองนับถือพระพุทธศาสนาแต่ไม่เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น เมื่อไม่เข้าใจธรรมก็คล้อยตามสิ่งที่ผิดทั้งหมด โดยไม่เห็นว่านั่นเป็นภัยที่ช่วยกันทำลายพระพุทธศาสนา


~ บวช หมายความถึงจิตที่สละสิ่งที่เคยติดข้องเพราะเห็นประโยชน์ของการที่จะได้เข้าใจถูกต้องในสิ่งที่กำลังมี ซึ่งยากที่จะเข้าใจได้ และต้องเป็นความหนักแน่นมั่นคงว่า เพื่อละ ไม่ใช่เพื่อจะได้ เพราะว่า สามารถที่จะไม่บวช ก็เข้าใจธรรมได้ ใช่ไหม? ถามผู้ใหญ่เลย

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๙



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 1 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
petsin.90
วันที่ 1 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 1 พ.ย. 2563

กราบอนุโมทนาและขอบคุณมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
natthayapinthong339
วันที่ 1 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Nataya
วันที่ 2 พ.ย. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 2 พ.ย. 2563

ยินดี​ใน​กุศล​จิต​ของ​ อ.​คำ​ปั่น​ ด้วย​ค่ะ​

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 2 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
siraya
วันที่ 2 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kukeart
วันที่ 3 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pulit
วันที่ 5 พ.ย. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
มกร
วันที่ 5 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ