อรรถกถานันทาเปติวัตถุที่ ๔
[เล่มที่ 49] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าทื่ 187
อรรถกถานันทาเปติวัตถุที่ ๔
เมื่อพระศาสดาประทับอยูในพระเชตวันมหาวิหาร ทรง ปรารภนางเปรตชื่อวา นันทา จึงตรัสคาถานี้ มีคําเริ่มตนวา กาฬี ทุพฺพณฺณรูปาสิ ดังนี้
ไดยินวา ในหมูบานตําบลหนึ่ง ไมไกลแตกรุงสาวัตถีนัก ยังมีอุบาสกคนหนึ่ง ชื่อวา นันทิเสน เปนผูมีศรัทธา มีความเลื่อมใส. สวนภริยาของเขา ชื่อวา นันทา ไมมีศรัทธา ไมมีความเลื่อมใส เปนคนตระหนี่ ดุราย กลาววาจาหยาบ ไมเคารพยําเกรงสามี ดาบริภาษแมผัว ดวยวาจาวาเปนโจร. สมัยตอมานางนันทานั้น ทํากาละแลว ไปบังเกิดในกําเนิดเปรต แสดงตนในที่ไมไกลหมูบาน นั้นนั่นเอง
นันทิเสนอุบาสกเห็นนางนั้น จึงไดกลาวคาถาวา :- ทานมีผิวพรรณดํา มีรูปรางนาเกลียด ตัว ขรุขระดูนากลัว มีตาเหลือง มีเขี้ยวงอกออก เหมือนหมู เราไมเขาใจวา ทานจะเปนมนุษย. บรรดาบทเหลานั้น บทวา กาฬี แปลวา มีสีดํา. จริงอยู วรรณะของนางเปรตนั้น เปนเสมือนถานที่ถูกเผาแลว
บทวา ผรุสา ไดแก มีตัวขรุขระ. บทวา ภีรุทสฺสนา แปลวา นาสะพึงกลัว คือ มีอาการนากลัว. บาลีวา ภารุทสฺสนา ดังนี้ก็มี, อธิบายวา เห็นเขานากลัวอยางหนัก คือ ไมนาดู เพราะมีผิวพรรณนาเกลียด เปนตน. บทวา ปงฺคลา แปลวา ผูมีนัยนตาเหลือง. บทวา กฬารา ผูมีเขี้ยวเหมือนหมู. บทวา น ต มฺานิ มานุสึ ความวา เราไม สําคัญทานวาเปนมนุษย แตเราสําคัญทานวา เปนนางเปรต. นางเปรตไดฟงดังนั้น เมื่อจะประกาศตนจึงกลาวคาถาวา :- ทานนันทิเสน เมื่อกอนดิฉันชื่อนันทา เปนภรรยาของทาน ไดทํากรรมชั่วไว จึงจาก มนุษยโลกนี้ ไปสูเปตโลก.
บรรดาบทเหลานั้น. บทวา อห นนฺทา นนฺทิเสน ความวา พี่นันทิเสนขา ดิฉันชื่อวา นันทา. บทวา ภริยา เต ปุเร อหุ ความวา ในชาติกอน ดิฉันไดเปนภรรยาของพี่. เบื้องหนาแตนี้ไป อุบาสก นั้นจึงถามวา :-
ทานทํากรรมชั่วอะไรไว ดวยกาย วาจา ใจ เพราะวิบากของกรรมอะไร ทานจึงจาก มนุษยโลกนี้ไปสูเปตโลก. ลําดับนั้นนางเปรต จึงไดตอบกะนันทิเสนอุบาสกวา ดิฉัน เปนหญิงดุราย มีวาจาหยาบคายไม เคารพพี่ กลาวคําชั่วหยาบกะพี่ จึงจากมนุษยโลก นี้ ไปสูเปตโลก.
นันทิเสนอุบาสก จึงถามอีกวา :- เอาเถอะเราจะใหผานุงแกเจา เจาจงนุงผา นี้ครั้นนุงผานี้แลว จงมา ฉันจะนําเจาไปสูเรือน เจาไปเรือนแลว จักไดผา ขาว และน้ํา ทั้งจักได ชมบุตรและลูกสะใภของเธออีกดวย. ลําดับนั้น นางเปรตจึงไดกลาวคาถา ๒ คาถา แกนันทิเสน อุบาสกนั้นวา :-
ผานั้น ถึงพี่จะใหที่มือของฉัน ดวยมือ ของพี่เอง ก็ไมสําเร็จประโยชนแกฉันได ขอพี่ จงเลี้ยงดูภิกษุทั้งหลาย ผูสมบูรณดวยศีล ผู ปราศจากราคะ ผูเปนพหูสูต ใหอิ่มหนําดวยขาว และน้ํา แลวอุทิศสวนบุญไปใหดิฉัน เมื่อทานทํา อยางนั้น ดิฉันจักมีความสุข สําเร็จความปรารถนา ทั้งปวง.
ลําดับนั้น พระสังคีติกาจารย กลาว ๔ คาถานี้วา :-
นันทิเสนอุบาสก รับคําแลว ไดใหทาน เปนอันมาก คือขาว น้ํา ของเคี้ยว ผา และ เสนาสนะ รม ของหอม ดอกไม และรองเทา หลากชนิด เลี้ยงดูภิกษุทั้งหลาย ผูสมบูรณดวย ศีล ปราศจากราคะเปนพหูสูต ใหอิ่มหนําดวยขาว และน้ําแลว อุทิศสวนบุญไปใหนางในทันตาเห็น
วิบาก คือขาว เครื่องนุงหม และน้ําดื่ม ก็เกิดขึ้น นี้เปนผลแหงทักษิณา ลําดับนั้น นางเปรตมี รางกายบริสุทธิ์สะอาด นุงหมผาอยางดี มีคายิ่ง กวาผาแควนกาสี ประดับดวยวัตถาภรณอันวิจิตร เขาไปหาสามี.
ตอแตนั้น เปนคาถากลาวโตตอบระหวางอุบาสกกับนางเปรต วา :- ดูกอน เทพธิดา ทานมีวรรณะงามยิ่งนัก สองสวางไสวไปทั่วทุกทิศสถิตอยู ดุจดาวประกาย พรึก ทานมีวรรณะงดงามเชนนี้ เพราะกรรม อะไร อิฐผลยอมสําเร็จแกทานในวิมานนี้ เพราะ กรรมอะไร และโภคะทุกสิ่งทุกอยางอันเปนที่ พอใจ เกิดขึ้นแกทานเพราะกรรมอะไร
ดูกอน เทพธิดา ผูมีอานุภาพมาก เราขอถามทาน เมื่อ เปนมนุษย ทานทําบุญอะไรดวย ทานมีอานุภาพ รุงเรืองและมีรัศมีสวางไสวไปทุกทิศอยางนี้ พี่นันทิเสน เมื่อกอนดิฉันชื่อนันทา เปนภริยาของทาน ไดทํากรรมชั่วชา จึงจาก มนุษยโลกนี้ไปสูเปตโลก ดิฉันไดอนุโมทนา ทานที่ทานใหแลว จึงไมมีภัยแตที่ไหนๆ กอน คฤหบดี ขอทานพรอมดวยชาติทั้งปวง จงมีอายยืนนานเถิด
ดูกอนคฤหบดี ทานประพฤติธรรม และใหทานในโลกนี้แลว จะเขาถึงถิ่นฐานอันไม เศราโศก ปราศจากธุลี ปลอดภัย อันเปนที่อยู ของทาววสวัตตี กําจัดมลทินคือความตระหนี่ พรอมทั้งราก ใครๆ ไมติเตียนได จักเขาถึง โลกสวรรค
บรรดาบทเหลานั้น บทวา ทาน วิปุลมากิริ ความวา ทาน พึงยังมหาทานใหเปนไป ในเขตแหงพระทักขิไณยบุคคล เหมือน หวานพืชคือไทยธรรม. คําที่เหลือ เหมือนเรื่องที่ถัดกันมานั่นแล
นางเทพธิดานั้น ครั้นประกาศทิพยสมบัติของตน และเหตุแหง ทิพยสมบัตินั้น แกนันทิเสนอุบาสกอยางนี้แลว จึงไดไปยังสถานที่ อยูของตนตามเดิม. อุบาสกแจวเรื่องนั้นแกภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุ ทั้งหลาย จึงกราบทูล แดพระผูมีพระภาคเจา. พระผูมีพระภาคเจา ทรงกระทําเรื่องนั้นใหเปนอัตถุปปตติเหตุ ทรงแสดงธรรมแก บริษัทผูถึงพรอมแลว. เทศนานั้น ไดมีประโยชนแกมหาชน ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถานันทาเปติวัตถุที่ ๔
ขอเชิญอ่านพระสูตร...