ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเรามีศีล และฝึกสมาธิ ปัญญาก็จะเกิดเองใช่ไหมครับ

 
Artwii
วันที่  14 พ.ย. 2563
หมายเลข  33301
อ่าน  740

เมื่อเราถือศีล ทำสมาธิ แล้ว ปัญญาจะเกิดเองหรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 15 พ.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ที่สำคัญคือความเข้าใจตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะความเป็นธรรมที่เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ไม่มีใครบังคับบัญชาให้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดเกิดขึ้นได้เลย หรือ แม้แต่สภาพธรรมที่เกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย

เหตุปัจจัยสำคัญของการเจริญขึ้นของปัญญา ไม่ใช่การไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ แต่ต้องได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งแสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า แต่และขณะๆ เป็นธรรมไม่ใช่เรา

ศีล คือ ความประพฤติเป็นปกติ ที่เข้าใจกันโดยทั่วไป คือ การงดเว้นจากการทำบาป ทางกาย วาจา เป็นต้น รวมถึง ประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม โดยที่ไม่มีตัวตนที่ไปทำศีล แต่เพราะเห็นโทษของอกุศล จึงเว้นจากอกุศล และเพราะเห็นคุณของกุศล จึงมีการประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม แต่มีศีลที่ละเอียดยิ่งไปกว่านั้นที่เป็นอธิศีล อันเป็นศีลที่เกิดพร้อมกับสมาธิและปัญญาในขณะที่สติเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปราฏตามความเป็นจริง

สมาธิ เป็นความตั้งมั่นในอารมณ์ ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเข้าใจผิดว่า การนั่งสมาธิทำให้เกิดความสงบหรือทำให้เกิดปัญญา ซึ่งไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้องเลย เพราะถ้ากล่าวถึงสมาธิที่ควรอบรมหรือควรเจริญ ก็ต้องเป็นสัมมาสมาธิ ซึ่งเป็นความตั้งมั่นชอบ ที่เป็นไปพร้อมสติและปัญญา ในขณะที่รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ซึ่งจะต้องมีรากฐานที่สำคัญจากการได้ฟังพระธรรมมีความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ต้น

ประการที่สำคัญที่ควรจะได้พิจารณา คือ สมาธิ ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ ไม่ต้องทำก็มีอยู่ทุกขณะจิต เพราะเหตุว่าเป็นเจตสิกประเภทหนึ่งคือ เอกัคคตาเจตสิก ที่จะต้องเกิดกับจิตทุกขณะ ไม่มีเว้น ถ้ามีการไปนั่งสมาธิหรือฝึกสมาธิ ด้วยความเห็นว่า จะเป็นทางให้ปัญญาเกิด ขณะนั้นเป็นไปกับความหวังความต้องการ เป็นอกุศล เมื่อเป็นอกุศลแล้วจะเป็นเหตุให้เกิดปัญญาได้อย่างไร และเป็นมิจฉาสมาธิ ด้วย มีแต่จะพอกพูนอกุศลให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากพระธรรม เป็นเรื่องละ ไม่ใช่ความติดข้องต้องการ

หนทางที่ควรดำเนิน คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา เป็นการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกจากการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เมื่อความเข้าใจเจริญขึ้น ก็เป็นเครื่องปรุงแต่งให้มีการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ซึ่งขณะนั้น สมาธิ ก็มีด้วย แต่เป็นสมาธิที่เป็นไปพร้อมกับสติปัญญาที่เข้าใจถูกเห็นถูกในธรรมตามความเป็นจริง เป็นสัมมาสมาธิ ความตั้งมั่นโดยชอบ ไม่ใช่ด้วยการทำ ไม่ใช่ด้วยการจดจ้องต้องการ แต่เป็นความเจริญขึ้นของความเข้าใจถูกเห็นถูกจากการฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน

ดังนั้น จึงควรตั้งต้นที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจ แทนที่จะไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ก็ควรที่จะได้มาสู่หนทางที่จะทำให้รู้ความจริง คือ การฟังพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 15 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
talaykwang
วันที่ 15 พ.ย. 2563

หนทางที่ควรดำเนิน คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา เป็นการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกจากการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 15 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Witt
วันที่ 15 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Artwii
วันที่ 17 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ