มีท่านนึงฝากกราบเรียนถามความคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันในเรื่องความเข้าใจ
ค่ะ ท่านนี้เขาก็ฟังธรรมจากที่นี่ค่ะ เขาขอสงวนชื่อและที่อยู่ค่ะ
เขาบอกว่าธรรมะเกิดเป็นปกติ และเขาก็ชอบใส่ใจในสิ่งที่เกิดตามปกติ เช่น ไหวเกิด ก็พิจารณาว่ามันแตกต่างจากขณะที่มีความรู้สึกเป็นเรา และบังเอิญท่านเขาเป็นคนชอบเขียนหนังสือ ท่านเขาอยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำ หรืออธิบายว่าท่านเขากับหนู แตกต่างกันอย่างไร ท่านเขามีมุมมองว่าหนูเน้นพิจารณา และมองการศึกษาในลักษณะของสภาพธรรมที่สูงเกินไป คือหนูมองว่าควรพิจารณาพระธรรมให้เข้าใจก่อน ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นเราที่ศึกษาในสภาพธรรม แต่ท่านเขามองว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาความไม่มีเราทั้งหมดไปศึกษาในลักษณะของสภาพธรรม คือพวกหนูมีความคิดต่างกันน่ะค่ะ ไม่ได้ทะเลาะกันค่ะ แค่คุยแลกเปลี่ยนกันค่ะ ท่านเขาอยากให้นำประเด็นนี้สนทนาออกอากาศรายการบ้านธัมมะค่ะ เพราะมีสหายธรรมท่านอื่นๆ ก็สนใจในประเด็นนี้ ค่ะ และการศึกษาในลักษณะของสภาพธรรม ที่ถูกต้องคืออย่างไร และแตกต่างกับที่หนูเข้าใจอย่างไรคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แต่ละคนก็แต่ละหนึ่ง แต่ถ้ามีความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ต้น ในความเป็นธรรมที่ไม่ใช่เรา ก็จะไม่ไปผิดทาง เพราะเหตุว่า ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง และมีจริงในขณะนี้ด้วย เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย การที่จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ใช่การไปทำอะไรด้วยความเป็นตัวตนด้วยความหวังความต้องการ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ก็มีแต่เพิ่มอกุศลให้มากขึ้น ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อมีการฟังพระธรรม มีการพิจารณาไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็ย่อมไม่มีอะไรที่จะมายับยั้งการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้ โดยที่ไม่ใช่ตัวตนที่จะพยายามระลึก แต่เป็นกิจหน้าที่ของธรรม ที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย คือ สติและปัญญา พร้อมกับโสภณธรรมอื่นๆ จะเห็นได้ว่าทุกขณะเป็นธรรม มีธรรมหนึ่งธรรมใดแน่นอน แล้วก็ค่อยๆ เข้าใจในลักษณะของสภาพธรรมตามที่ได้ยินได้ฟังให้ถูกต้องขึ้น ขณะนั้น ก็คือ ค่อยๆ เข้าใจในลักษณะของสภาพธรรมนั้น ซึ่งจะต้องอาศัยการฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ โดยไม่หวัง เข้าใจแค่ไหน ก็แค่นั้น ตามเหตุตามปัจจัย เป็นเรื่องที่เบาสบาย ไม่หนักด้วยความหวังความต้องการหรือความเป็นตัวตนที่จะอยากจะรู้ลักษณะของสภาพธรรม ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ค่ะ อนุโมทนาสาธุคำกล่าว...
การฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ โดยไม่หวัง เข้าใจแค่ไหน ก็แค่นั้นตามเหตุตามปัจจัย เป็นเรื่องที่เบาสบาย ไม่หนักด้วยความหวังความต้องการหรือความเป็นตัวตนที่จะอยากจะรู้ลักษณะของสภาพธรรม ครับ
อนุโมทนาที่กล่าวให้ลึกซึ้งค่ะ