ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๓
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๓ * *
~ ยากที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และเมื่อเกิดมาแล้วทุกคนต้องตาย แต่ก่อนตายควรที่จะได้เป็นคนดี ถ้าเข้าใจธรรม เป็นคนดีขึ้นแน่นอน ในชีวิตนี้สิ่งที่สะสมสืบต่อที่ประเสริฐอย่างยิ่ง คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูกที่จะนำไปสู่คุณความดีทั้งปวง
~ สิ่งใดเป็นเหตุ สิ่งใดเป็นผล ถ้ามีความเข้าใจถูกต้อง จะทำสิ่งที่ไม่ดีที่เป็นอกุศลไหม? ถ้ารู้ว่ากรรมที่เป็นอกุศลจะให้ผลอย่างไร จะทำสิ่งที่ไม่ดีที่เป็นอกุศลไหม? แต่ถ้าไม่รู้ว่าอกุศลจะให้ผลอย่างไร ก็กล้าที่จะทำสิ่งที่ไม่ดีต่อไป
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ตรัสคำจริงทั้งหมดเพื่ออนุเคราะห์ให้คนได้เข้าใจความถูกต้อง เพราะเหตุว่า ความเห็นถูกต้อง สำคัญที่สุดในแต่ละชาติ ถ้าเห็นผิดไปแล้ว เมื่อไหร่จะสำนึกเมื่อไหร่จะกลับตัว เมื่อไหร่จะว่าง่าย ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมวินัยเพื่อความสุขของประชาชนของผู้ฟังทั้งหมด ไม่ได้ประสงค์ร้ายเลย
~ ถึงเวลาแล้วที่เราจะเข้าใจความถูกต้องว่าอะไรถูก อะไรผิด ไม่อย่างนั้นเราก็ตามๆ กันไป เมื่อตามๆ กันไป ไม่มีเหตุไม่มีผลเลยแล้วจะกล่าวว่าเป็นพระพุทธศาสนาได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ชาวพุทธจริงๆ คือ ผู้ที่เข้าใจคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จึงเป็นคนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ งาม ต้องเป็นสภาพธรรมที่ดีงาม ถ้าเป็นธรรมที่ไม่ดี จะบอกว่างามหรือดีก็ไม่ได้ ในบรรดาสิ่งที่งามคือดีทั้งหลาย ปัญญางาม
~ ถ้ามีความเข้าใจถูกแล้ว กาย ถูกไหม วาจา ถูกไหม คิดทำแต่สิ่งที่ดี เป็นประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ว่าร้ายใคร ไม่ประทุษร้าย ไม่เบียดเบียนใคร เพราะปัญญาเห็นโทษของธรรมที่ไม่ดี
~ ปัญญา คือ เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่เข้าใจคลาดเคลื่อน
~ ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครคิดว่าเข้าใจสิ่งที่กำลังมีถูกต้องบ้าง?
~ ธรรม (สิ่งที่มีจริง) ลึกซึ้ง ยากที่จะเห็นได้ ไม่ใช่ว่าใครจะไปประจักษ์การเกิดดับได้โดยง่าย แต่ต้องศึกษาธรรมทุกคำ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงความจริงนั้นให้คนอื่นเข้าใจได้ เพราะฉะนั้น การฟัง ก็เพื่อเข้าใจถูกในสิ่งที่ได้ฟังในทุกคำด้วยแต่ละคำ
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไตร่ตรองจนกระทั่งมั่นคง ว่า นี้เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และคนอื่นที่กล่าวคำของพระองค์ก็ต้องกล่าวตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้วด้วย
~ ถ้าเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนตั้งแต่ต้นแล้วจะเข้าใจธรรมได้อย่างไร
~ ก่อนอื่นต้องชัดเจน ว่า ไม่มีเรา ถึงจะสามารถฟังธรรมต่อไปแล้วก็เข้าใจถูกต้องว่าไม่ใช่เราจริงๆ และธรรม ก็คือ ทุกสิ่งที่มี เกิดขึ้น ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
~ ทุกคำของประมาทไม่ได้เลย เพราะเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสรู้แล้วจึงตรัสทุกคำที่เราได้ฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจถูกความเห็นถูก
~ สิ่งที่มีจริงทุกอย่าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง ที่จะทำให้พ้นจากความเห็นผิด
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจว่าธรรมคืออะไร และธรรมทั้งหมดไม่เว้นเลย เป็นอนัตตา ถ้าไม่มีความเข้าใจถูกต้องในเบื้องต้นจะไม่มีความเข้าใจต่อไปได้เลย
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ เพื่อประโยชน์สุขของชาวโลก
~ ต้องสามารถเข้าใจขึ้นๆ จนเป็นผู้ที่ตรงต่อเหตุผลตามความเป็นจริง ไม่หลงผิดอีกต่อไป ไม่ไปมีสำนักปฏิบัติ ไม่ไปบอกให้นั่งให้นอนให้อยู่อย่างนั้นทำอย่างนี้คิดอย่างโน้น บอกได้อย่างไร บอกแล้วรู้อะไร นอกจากผิด ยังเป็นเราทั้งหมดที่ทำ
~ ใครก็ตามที่เข้าใจธรรม เขาเป็นใครก็ตาม งาม เพราะเข้าใจธรรม
~ กายก็งาม วาจาก็งาม ใจก็งาม เพราะเข้าใจถูกต้อง
~ ถ้าไม่มีพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สัตว์โลกไม่มีทางที่จะพ้นจากความมืดบอดเพราะไม่รู้ความจริง คิดเอาเองว่าสบายใจเมื่อไหร่ก็สงบเมื่อนั้น ไม่สบายใจเมื่อไหร่ก็ไม่สงบ แต่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น สิ่งที่ชาวบ้านคิด ไม่ใช่สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
~ ต้องการความสงบโดยไม่รู้ว่าความสงบคืออะไร แล้วยังแสวงหา ลำบากไหมตอนแสวงหา จิตใจสงบหรือเปล่า กระวนกระวายเดือดร้อน เกิดความพอใจอย่างยิ่ง ติดข้องอย่างมาก ทั้งหมด คือ ความติดของทั้งนั้น หารู้ไม่ว่า เมื่อปราศจากสิ่งนั้นเมื่อไหร่ เป็นทุกข์ทันที ซึ่งแท้ที่จริง ก็คือ แสวงหาทุกข์ แสวงหาเหตุที่จะให้เกิดทุกข์ แต่เข้าใจผิด ว่า ตลอดเวลานั้นสงบ
~ พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนของผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ความจริง ทุกคำทำให้เกิดความเข้าใจถูก ความเข้าใจถูกไม่ได้นำความทุกข์มาให้เลย เพราะเป็นความถูกต้อง นั่นคือ สงบ
~ ขณะที่สงบ ขณะนั้น ไม่มีโลภะความติดข้อง ไม่มีโทสะความขุ่นเคืองใจ เพราะขณะที่เกิดความติดข้องหรือเกิดความไม่พอใจ ก็เพราะความไม่รู้ ที่จะละความไม่รู้ ก็เพราะรู้ (ปัญญา) ตราบใดที่ยังไม่รู้ ก็ต้องติดข้อง ไม่มีหนทางใดเลยที่จะละ ก็ต้องเป็นไปตามกิเลสประการต่างๆ แต่เพราะรู้ จึงค่อยๆ ละลายกิเลสทั้งหลายได้ กิเลสทั้งหลายดับไม่ได้ คลายไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความรู้
~ มีความไม่รู้อยู่แล้ว แล้วไปทำให้ไม่รู้อีก เสียเวลาไหม?
~ ม้ากัณฐกะ ไปเกิดเป็นเทพบุตร ลงมาเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังพระธรรม ได้บรรลุ ไปเข้าสำนักปฏิบัติที่ไหนหรือเปล่า?
~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง เพราะถ้าไม่ได้ฟัง ไม่มีโอกาสที่จะรู้อะไรเลยที่เป็นจริง ไม่ว่าชาติไหนกี่ชาติ จมอยู่ในห้วงเหวของความไม่รู้ พ้นไม่ได้ ออกไม่ได้
~ ไหนๆ ก็ได้เกิดมาแล้ว เป็นมนุษย์ด้วย แล้วก็ยังมีโอกาสได้ฟังพระธรรมด้วย ยังมีโอกาสได้ฟังคำว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย แล้วยังกล่าวว่านับถือด้วย ต้องตรง
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๘๒
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...