โลกนี้ โลกหน้า
คำสอนใดๆ ก็ตามที่คลาดเคลื่อนไม่ตรงตามความเป็นจริง คำสอนนั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นใดๆ ที่คลาดเคลื่อน ไม่ตรงตามความเป็นจริง ความเห็นนั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดเป็นอกุศลธรรม เป็นธรรมที่มีโทษ ให้ผลเป็นทุกข์ ผู้ที่มีความเห็นผิดและสอนให้ผู้อื่นเห็นผิดตามชื่อว่าเป็นอสัตบุรุที่ยิ่งกว่าอสัตบุรุษ
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 187
[๑๓๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษเป็นผู้มีความเห็นอย่างอสัตบุรุษอย่างไร คือ อสัตบุรุษในโลกนี้ เป็นผู้มีความเห็นอย่างนี้ว่า ทานที่ให้แล้ว ไม่มีผล ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว ไม่มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วแล้ว ไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกอื่นไม่มี มารดาไม่มีคุณ บิดาไม่มีคุณ สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะไม่มี สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้ โลกอื่นให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลกไม่มี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล อสัตบุรุษชื่อว่าเป็นผู้มีความเห็นอย่างอสัตบุรุษ.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 555
เชิญคลิกอ่านที่นี่ >>> อสัตบุรุษและสัตบุรุษ [ทสกัมมสูตร]
ผู้ที่สอนว่า โลกหน้าไม่มี เป็นมิฉาทิฏฐิหรือไม่ ?
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 438 ข้อความบางตอนจาก ทสุตตรสูตร
ข้ออื่นยังมีอยู่อีก พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อุบัติในโลกนี้ ส่วนบุคคลนี้ เกิดในมัชฌิมชนบท แต่เขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิดไปว่า ทานที่บุคคลให้ ไม่มีผล การบูชาไม่มีผล การเซ่นสรวงไม่มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดีทำชั่วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี เหล่าสัตว์ผุดเกิดไม่มี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไปโดยชอบ ผู้ปฏิบัติชอบในโลกไม่มี ซึ่งกระทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้ง ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ ไม่มีในโลกนี้ นี้ก็เป็นกาลมิใช่ขณะมิใช่สมัย เพื่ออยู่ประพฤติพรหมจรรย์ ข้อที่หก.
ผู้ที่สอนว่า โลกหน้าไม่มี การสอนผิดจะบาปไหม?
บาปคือ เป็นอกุศล นั่นคือความไม่สะอาดทางใจนั่นเอง ลองอ่านดูนะ
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 430 เชิญคลิกอ่านที่นี่ >>> ความสะอาดในวินัยของพระอริยะ [จุนทสูตร]