ถ้าค่อยๆ เข้าใจขึ้น ความดีก็เพิ่มขึ้น
หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๓๑๖]
ถ้าค่อยๆ เข้าใจขึ้น ความดีก็เพิ่มขึ้น
ดี คือ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง หลักใหญ่ๆ เพราะเหตุว่า ถ้ามีโลภ โกรธ หลง ความไม่ดีอย่างอื่นก็ติดตามมา เพราะฉะนั้น ไม่ดีที่หนึ่ง ก็คือ ความไม่รู้
เมื่อกี้พูดถึงว่าอะไรดี ใช่ไหม? คือ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่ดีก็ต้องตรงกันข้าม คือ โลภ โกรธ หลง เพราะฉะนั้น เราเลือกไม่ได้ ถูกไหม? แล้วแต่เหตุปัจจัย ทุกคนอยากดี แต่มีเหตุปัจจัยที่จะไม่ดีก็ต้องไม่ดี ไม่อยากไม่ดีเลยก็ไม่ดีแล้วเพราะมีเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้น ผู้ที่รู้จริงๆ ก็รู้ถึงเหตุที่ทำให้เกิดความไม่ดี เพราะฉะนั้น เหตุที่ทำให้เกิดความไม่ดี ก็คือ ความไม่รู้ นี่แน่นอนที่สุด เพราะฉะนั้น ถ้าค่อยๆ รู้ขึ้น ความดีก็เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น เราจะประมาทความไม่ดีหรือความไม่รู้ไม่ได้เลยว่ามากแค่ไหน วันทั้งวันไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏเป็นพื้นฐานและการสะสมมาที่จะเป็น "ดี" บางกาลก็เกิดได้ เช่น การให้ทานหรือการไม่ประพฤติเบียดเบียนคนอื่น เป็นต้น ก็ตามการสะสมมา แต่ก็ยังมีความไม่รู้อยู่นั่นเอง เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะดีอย่างไรก็ตาม พอไหม? จะดีขึ้นอีกได้ไหมถ้าไม่เข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง?
เพราะฉะนั้น เพียงเป็นคนดีตามที่ได้เคยสะสมมาแต่ยังมีความไม่รู้ไม่เข้าใจสิ่งที่มีในชีวิตประจำวันตามความเป็นจริงก็จะทำให้ดีถึงที่สุดไม่ได้หรือดีจริงๆ ด้วยความเข้าใจถูกก็ไม่ได้ เพราะว่ายังคงเป็นเรา ด้วยเหตุนี้ผู้ที่จะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจะขาดการศึกษาธรรมได้ไหม? (ไม่ได้) เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นคนดีเท่าที่ชาวโลกและตัวเองเข้าใจว่าดี ไม่ได้ลักขโมยใคร ไม่ได้ประทุษร้ายเบียดเบียนใคร แต่ก็ไม่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏ จะชื่อว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งไม่ได้ ไม่ได้พึ่งอะไรเลย บอกว่าพึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วพึ่งตอนไหน ใช่ไหม? พึ่งพระธรรม พึ่งตอนไหน พึ่งพระอริยบุคคล พึ่งตอนไหน ก็ไม่ได้พึ่งเลยถ้าไม่มีการฟังพระธรรมให้เข้าใจ เพราะฉะนั้น การเป็นคนดีก็ไม่พอถ้ารู้ความจริงว่าไม่สามารถที่จะดีตลอดหรือว่าดีโดยที่ว่าไม่มีความไม่ดีเกิดขึ้นบ้างเลยก็ไม่ได้ จนกว่าจะได้เข้าใจพระธรรมซึ่งมีอยู่หนทางเดียวคือต้องศึกษาจึงสามารถที่จะเข้าใจได้
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย