ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
กราบเรียนท่านอาจารย์
เจตนา เป็นอนัตตาด้วยใช่ไหมคะ แล้วเช่นนี้ หากผู้ใด มีเจตนาดีหรือร้าย ก็ล้วนเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ แม้จะมีใครบอกเรื่องใดควรไม่ควรกระทำ ถ้าปัญญายังไม่มี ปัญญายังไม่ทำหน้าที่ของปัญญา ก็ไม่อาจที่จะละการเกิดเจตนาร้ายที่ปรากฎขึ้นเองมาตามการสะสมของอวิชชาได้ เช่นนี้แล้ว จึงทำได้เพียงสะสมความเข้าใจถูกไว้ จนกว่าสติจะระลึกรู้ได้เองในขณะนั้นๆ แบบนี้ใช่หรือไม่คะ
กราบขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตราบใดที่ปัญญายังไม่ถึงขั้นที่จะสามารถดับอกุศลใดๆ ได้ เมื่อได้เหตุปัจจัย อกุศลนั้นๆ ก็ย่อมเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ก็ตรงกับความหมายของอนัตตา ซึ่งแท้จริงแล้ว ทุกขณะ ก็เป็นอนัตตา ดังนั้น สำคัญที่ความเข้าใจตั้งแต่ต้นว่า ธรรม เป็น ธรรม ไม่ใช่ใคร เจตนาร้าย เมื่อได้เหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น แสดงความเป็นอนัตตาชัดเจน แต่เมื่อเห็นประโยชน์ของพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็ย่อมเป็นที่พึ่งได้โดยตลอด ขณะที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกเกิดขึ้น อกุศลใดๆ เกิดไม่ได้เลยในขณะนั้น และสภาพธรรมที่จะเห็นโทษของอกุศลตามความเป็นจริงก็คือปัญญา นั่นเอง เห็นตามความเป็นจริง ว่า อกุศล เป็นอกุศล ให้โทษ เท่านั้น ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆท่านครับ...
เพราะว่าเราสะสมความไม่รู้มานานนับไม่ถ้วน หนทางเดียวคือฟังพระธรรมเพื่อละความไม่รู้ จนกว่าจะเข้าถึงสภาพธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตาไม่ใช่เราจริงๆ ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์