การวางใจ

 
apiwit
วันที่  23 ม.ค. 2564
หมายเลข  33613
อ่าน  515

เคยมีบ้างไหมครับ ที่บางครั้งเราทำความดีช่วยเหลือคนอื่น แต่กลับไม่ถูกใจเขาหรือไม่ได้ดั่งใจเขาแล้วถูกต่อว่ากลับมาจนเรารู้สึกเสียน้ำใจ อย่างในชีวิตประจำวันบางทีเห็นคนแบกของหนักก็ไปช่วยเขา แต่พอเราชักช้าไม่ทันใจเขา เขาก็บ่น ช่วยคนในบ้านตำน้ำพริกทำครัว แต่ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรก็โดนบ่น หรือว่าบางทีเพื่อนขอให้เราช่วยทำงานบางอย่างให้ แต่พอผลลัพธ์ออกมาไม่ถูกใจเขา เขาก็ต่อว่าเรา ทำให้เรารู้สึกเสียน้ำใจที่อุตส่าห์ยื่นมือเข้าไปช่วย รู้งี้ปล่อยให้เขาทำเองจะดีกว่า จะไม่ช่วยเหลือใครอีกแล้วแบบนี้เป็นต้น ถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจธรรมะจริง ๆ และยังมีความปรารถนาที่จะทำความดีช่วยเหลือคนอื่นต่อไป จะมีวิธีวางใจอย่างไรครับ ต้องเริ่มจากเห็นความจริงว่าไม่มีตัวเรา ทุกอย่างเป็นอนัตตา จะเกิดอะไรก็ได้ ใช่หรือไม่ครับ เพียงแต่เราก็แค่ยืนหยัดในการทำความดีต่อไป


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 23 ม.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สภาพธรรม เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น จะห้ามความคิดและการกระทำของคนอื่น นั้น ห้ามไม่ได้  แม้แต่ตัวเราเอง ก็เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ถ้าค่อยๆ เข้าใจความจริงขึ้น ก็จะยิ่งเห็นคุณของความดี  เมื่อเป็นเช่นนี้  ก็ทำดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ส่วนคนอื่นเขาจคิดอย่าไร ทำอย่างไร ก็เป็นเรื่องของคนอื่นจริงๆ ครับ


ข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้ 

ดีที่สุดคือไม่หวัง

เพราะทุกสิ่งที่มีเหตุปัจจัยก็จะต้องเกิดอยู่แล้วไม่ว่าจะหวังหรือไม่หวังก็ตาม แม้แต่เพียงหวังก็เป็นทุกข์แล้ว ฉะนั้น ถ้าไม่อยากทุกข์ก็อย่าหวัง เกิดมาเพื่อทำหน้าที่ทุกอย่างให้ดีที่สุด ไม่หวังอะไรตอบแทนเลยจากสิ่งที่ทำไปแล้วนั้น ถ้าเกิดผลดีก็ดี แต่ก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องดีถึงขั้นนั้นขั้นนี้ เมื่อทำดีที่สุดแล้วสบายใจ เพราะไม่ต้องเดือดร้อนว่าทำไม่ค่อยจะดี 

ฉะนั้น จึงทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อกันความเดือดเนื้อร้อนใจ เมื่อทำดีที่สุดแล้วอะไรจะเกิดก็เกิด ถ้าดีก็ดี ถ้าไม่ดีก็ช่วยไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาชมด้วยเพราะถ้าทำดีแล้วหวังให้ใครชม ก็จะเป็นทุกข์อีกแล้วว่า อุตส่าห์ทำแทบตายไม่เห็นมีใครชมเลย กลายเป็นว่าทำดีเพื่อต้องการให้คนชม ฉะนั้น จะต้องไม่หวั่นไหวกับคำชมหรือคำติ ทำอย่างดีที่สุดแล้วไม่หวังเลยว่าอะไรจะเกิด


ไม่ต้องแบกโลก

เช่น ผู้ที่มีพี่น้องหลายคน ก็ไม่ต้องมานั่งคิดว่าพ่อแม่รักเราไหม รักเรามากเท่าพี่น้องคนอื่นไหม ถึงพ่อแม่ไม่รักเราแต่เรารักพ่อแม่ เราก็สบายใจ นอกจากพ่อแม่แล้วก็ยังมาถึงเพื่อนฝูงอีก ใครจะรักเราหรือไม่รักเรา ก็เรื่องของเขา เราไม่สนใจ แต่เราเป็นมิตรกับเขาและหวังดีต่อเขา ก็สบายใจ เราไม่กังวลถึงความไม่ดีของคนอื่น แต่เรามีหน้าที่ที่จะพัฒนาปรับปรุงเจริญปัญญาของเราเอง แล้วยังช่วยคนอื่นได้ด้วยการกระทำของเราด้วยคำพูดของเรา ด้วยความคิดของเรา คือ เราไม่เป็นภัยกับใครเลย พอใครโกรธนิดหนึ่ง เราก็รู้ว่าเขากำลังมีความทุกข์แน่ๆ จากความไม่ชอบขณะนั้น ทุกอย่างไม่เที่ยงแล้วเราก็จะอยู่ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ไม่เอาความทุกข์ไปให้ใคร แล้วไม่เอาความทุกข์มาให้ตัวเราด้วย กว่าจะเป็นตัวเราคนนี้ เราสะสมมาแล้วกี่ชาติ แม้แต่การนั่งการนอน การยืน การเดินของแต่ละคน ก็ต้องสะสมมา ซึ่งในชาตินี้ ก็สะสมมาตั้งแต่เด็ก


กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

...ยินดีในความดีของทุกๆท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
apiwit
วันที่ 23 ม.ค. 2564

กราบสาธุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ