กิเลส - อุปกิเลส

 
unnop.h
วันที่  12 ก.พ. 2564
หมายเลข  33718
อ่าน  1,926

* กิเลส คือ สภาพที่เศร้าหมอง ซึ่งเมื่อเกิดกับจิตขณะใด ก็จะปรุงแต่งให้จิตและเจตสิกที่เกิดร่วมกันในขณะนั้น เศร้าหมองเป็นอกุศลไปด้วย

* กิเลส มี 10 อย่าง คือ โมหะ (ความหลง ความไม่รู้) อหิริกะ (ความไม่ละอายที่จะเป็นอกุศล) อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงที่จะเป็นอกุศล) อุทธัจจะ (ความไม่สงบ) โลภะ (ความติดข้อง) มานะ (ความสำคัญตน) ทิฏฐิ (ความเห็นผิด) โทสะ (ความขุ่นเคือง) วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัยในสภาพธรรม) และ ถีนะ (สภาพที่ปรุงแต่งจิตให้หดหู่ ซบเซา)

* กิเลส เหล่านี้ เมื่อมีกำลังมากก็จะปรากฏอาการที่หลากหลายออกมาเป็น อุปกิเลส

* อุปกิเลส คือ กิเลสที่มีกำลังมาก ซึ่งแสดงอาการปรากฏออกมาอย่างชัดเจน เช่น ความลบหลู่คุณของท่านผู้มีคุณ ความแข่งดี ความโกรธ ความผูกโกรธ ความริษยา ความตระหนี่

* พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงถึง กิเลส และ อุปกิเลส เพื่อให้เห็นโทษของกิเลสทุกระดับ และเห็นถึงอาการของกิเลสที่มีกำลังเป็นอุปกิเลส ซึ่งมีโทษมาก

(สำหรับท่านที่สนใจรายละเอียด)

อุปกิเลสมี 16 อย่าง ได้แก่

- อภิชฌาวิสมโลภะ (โลภะที่มีกำลังกว่าปกติ คือความเพ่งเล็งสมบัติผู้อื่น) ถัมภะ (หัวดื้อ) สารัมภะ (แข่งดี) มานะ (ถือตัว) อติมานะ (ดูหมิ่นท่าน) มทะ (มัวเมา) ย่อมละได้ด้วยอรหัตตมรรค

- พยาปาทะ (ความพยาบาท) โกธะ (ความโกรธ) อุปนาหะ (ความผูกโกรธไว้) ปมาทะ (เลินเล่อ) ย่อมละด้วยอนาคามิมรรค

- มักขะ (ลบหลู่คุณท่าน) ปลาสะ (ตีเสมอ) อิสสา (ความริษยา) มัจฉริยะ (ตระหนี่) มายา (มารยา, เจ้าเล่ห์) สาเถยยะ (โอ้อวด) ย่อมละด้วยโสดาปัตติมรรค


โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 12 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kullawat
วันที่ 22 ก.พ. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สิริพรรณ
วันที่ 22 ธ.ค. 2566

กราบขอบพระคุณด้วยความเคารพค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เฉย
วันที่ 23 ธ.ค. 2566

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ภาคภูมิอรุณศรี
วันที่ 17 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ