ผลกรรมที่เกิดจากบุคคลอื่นกระทำ น่ากลัวกว่าผลกรรมที่เกิดจากธรรมชาติ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แท้จริงแล้ว ไม่มีคนอื่น และแม้แต่ตัวเราก็ไม่มี เพราะมีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้น นี่คือความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ แม้ผลของกรรม ก็ไม่ใช่ใครครับ เป็นแต่เพียงธรรม คือ จิต เจตสิก รูปที่เกิดขึ้น เห็นก็เป็นผลของกรรม เห็นดี หรือ ไม่ดี ก็เพราะกรรมดี หรือ กรรมไม่ดีให้ผล จะได้รับสิ่งที่ดีก็ตามกรรม ไม่มีใครได้รับและไม่มีใครทำด้วย นี่คือความยาก ลึกซึ้งของพระธรรม

ที่อ่อนแอ เพราะ อ่อนแอด้วยปัญญา คือ ไม่มีปัญญาเข้าใจธรรมตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าแท้ที่จริง มีแต่ธรรม ดังนั้นจะเข้มแข็งขึ้น หนทางเดียว คือ การฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้า ปัญญาที่เจริญขึ้น ก็เข้าใจความจริงขึ้น ก็มองตามความจริงขึ้นก็ทุกข์น้อยลงเพราะปัญญาเพิ่มขึ้นนั่นเอง ครับ ที่เข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ใช่ใคร

ขออนุโมทนา ครับ

ขออนุโมทนาครับ 

กราบขอบพระคุณจากใจของหนูเลยเลยนะคะ สาธุค่ะ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมที่จะทำให้กรรมที่ได้กระทำแล้วให้ผล ใครๆ ก็ยับยั้งไม่ได้ กรรม มีทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม ซึ่งให้ผลต่างกันอย่างสิ้นเชิง กุศลกรรมให้ผลที่เป็นผลที่ดี น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ ในทางตรงกันข้าม อกุศลกรรมให้ผลที่เป็นทุกข์ ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ แต่ละคนมีกรรมเป็นของของตนอย่างแท้จริง เมื่อเป็นกรรมที่ตนเองได้กระทำแล้ว จะให้ผลไปเกิดกับบุคคลอื่นย่อมไม่ได้ นี้คือ ความเป็นจริงของธรรม เมื่อรู้อย่างนี้ จึงควรสะสมเฉพาะกรรมดีเท่านั้น เพราะอกุศลกรรม ไม่นำมาซึ่งประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ที่น่าพิจารณา คือ การได้รับผลที่ไม่ดีในชีวิตประจำวัน ก็สามารถเป็นเครื่องเตือนใจได้ว่า ไม่ควรเลยที่จะทำสิ่งที่ไม่ดีอีกต่อไป แต่ควรที่จะได้สะสมความดีและฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ต่อไป เพราะสภาพธรรมฝ่ายดีเหล่านี้เท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริง แม้เพียงชั่วขณะที่ความดีเกิดขึ้น อกุศลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นความท้อแท้ ความเสียใจ เป็นต้น ก็เกิดไม่ได้แล้ว ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

ขออนุโมทนาครับ