ฟังด้วยดี ย่อมมีปัญญา ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สนทนากับ อ.สุจินต์

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  7 มี.ค. 2564
หมายเลข  33830
อ่าน  657

ดร.เจิมศักดิ์  ผมมีความรู้สึกว่า แนวทางของท่านอาจารย์สุจินต์ก็ดี ท่านอาจารย์จรัญ และอาจารย์คำปั่น ที่บอกว่า ได้เรียนจากท่านอาจารย์สุจินต์มาเยอะ ฟังแล้ว เหมือนกับเน้นที่ศรัทธาในพระพุทธเจ้า

จะอธิบายอย่างไร เมื่อพระพุทธเจ้าบอกว่าให้เน้นที่ปัญญา เน้นที่ความจริง อย่าเน้นที่ศรัทธา หรือต้องผสมผสานระหว่างศรัทธากับปัญญา สติ อย่างไร จึงจะได้ความจริงตรงนี้

ท่านอาจารย์  ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลึกซึ้ง อย่างที่กล่าวไว้ เปลี่ยนไม่ได้เลย ถ้าไม่ศึกษาโดยละเอียด ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง จะเข้าใจผิด เพราะฉะนั้น ก่อนนั้น ดิฉันก็ไม่ได้รู้จักคุณจรัญเลย และคุณจรัญก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ฟังธรรมะ ไม่เข้าใจ แล้วก็นับถือ เป็นไปไม่ได้เลย ใช่ไหม?

เพราะฉะนั้น ที่กล่าวว่า ใครนับถือดิฉัน หมายความว่า เขาได้เข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เพราะฉะนั้น เคารพใคร? ทุกคนก็จะต้องเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่พึ่งที่แท้จริงในชีวิต ไม่ใช่พึ่งเพื่อที่จะได้ลาภ ได้ยศ หายเจ็บป่วย อะไรต่างๆ แต่ได้มีโอกาสได้รู้ความจริงเดี๋ยวนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลย ในสังสารวัฏฏ์ มิฉะนั้น จะเคารพทำไม ไม่ว่าเราเคารพใคร เราเคารพในคุณความดี

เพราะฉะนั้น พุทธบริษัททุกคน ฟังธรรมะ เมื่อเข้าใจแล้ว จึงเริ่มเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยิ่งเข้าใจมากเท่าไหร่ ยิ่งเคารพมากเท่านั้น เพราะฉะนั้น เคารพสูงสุดคือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ว่าบุคคลที่ได้ศึกษา แล้วก็สามารถที่จะทำให้คนอื่นได้เข้าใจถูกในแต่ละคำ ซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย

ดร.เจิมศักดิ์  ขออนุญาตแทรกตรงนี้นิดหนึ่ง ท่านอาจารย์สุจินต์ ดูจะเน้นที่จะต้องเคารพในคำของพระพุทธเจ้า ศรัทธาในพระพุทธเจ้า เป็นหลัก

ท่านอาจารย์  ยังค่ะ ยังไม่รู้จักว่าศรัทธาคืออะไร?

ดร.เจิมศักดิ์  เอาตามที่ผมเข้าใจก่อน เท่าที่ผมเข้าใจพุทธศาสนา ท่านเน้นว่า อย่าเชื่อเพราะเราเป็นคนบอก แต่ให้เชื่อ เพราะในหลักการ ในเหตุผล ในสิ่งที่เป็นไป อย่าเชื่อเพราะใคร แต่ฟังแล้ว ท่านอาจารย์สุจินต์จะเน้นที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ถูกต้องแล้ว ชัดแล้ว ร้อยเปอร์เซนต์ เท่าที่ผมฟัง ท่านไม่ได้ใช้คำนี้ แต่ผมฟังเหมือนกับว่าต้องเชื่อ ต้องศรัทธาก่อน แล้วจึงจะตามมาที่อย่างอื่น ถ้าผมรู้สึกว่า เอ๊ะ จะเข้าใจอย่างไรดี? ท่านอาจารย์จะอธิบายอย่างไร?

ท่านอาจารย์  จริงๆ แล้ว ศรัทธาต้องเป็นสิ่งที่ดีงาม ไม่ใช่ไปศรัทธาใน นก หนู ปู ปลา

ดร.เจิมศักดิ์  แล้วเราจะรู้ว่าศรัทธาอ้นไหนดี ไม่ดี เพราะเราเริ่มศรัทธาเสียก่อน เพราะศาสนาอื่นก็เน้นให้ศรัทธาในพระเจ้า ศรัทธาในอะไรต่อมิอะไร แต่พระพุทธองค์กลับบอกว่า อย่าเพิ่งเพราะใครบอก แต่ต้องใคร่ครวญ ไตร่ตรอง

ท่านอาจารย์  นี่คือความต่างกัน ของพระพุทธศาสนา คือศาสนาอื่นให้มีศรัทธาก่อน แต่ความจริง ศรัทธาจะต้องเป็นธรรมะฝ่ายดีงาม ขณะนั้นจิตต้องผ่องใส ไม่มีโลภ ไม่มีโกรธ และไม่มีความหลงด้วย เพราะได้ฟังคำที่พิจารณาแล้ว ถูกไหม จริงไหม ไม่ใช่พอฟังแล้วเชื่อ แล้วนับถือคนนั้นเลย แต่ คำนั้นถูกต้องหรือเปล่า? จริงหรือเปล่า? ถ้าไม่จริง ไม่ต้องเชื่อเลย และจริงนี้ เขารู้เอง เป็นคำของเขา หรือว่าเพราะได้ศึกษาธรรมะแล้ว จะกล่าวว่ารู้เองได้หรือ?

ด้วยเหตุนี้ ถ้าเป็นผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน บอกว่า พุทธะ ต้องนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด แต่ไม่ใช่โดยไม่เข้าใจอะไรเลยแล้วบอกว่านับถือ อย่างนั้นไม่ถูกต้องเลย ต้องเป็นความถูกต้องว่า เราจะนับถือใคร นับถือคุณความดีของบุคคลนั้น ไม่ใช่หรือ?

เพราะฉะนั้น เราก็เป็นผู้ตรง และเราได้เข้าใจธรรมะ เพราะพระองค์ได้ทรงตรัสรู้ความจริง ทรงแสดงความจริง  ดิฉันไม่ได้คิดเองเลย แต่คำจริงทุกคำ ไม่ว่าศรัทธาคืออะไร ปัญญาคืออะไร อธิปไตยคืออะไร ธรรมะคืออะไร ทุกอย่าง พระองค์ได้ทรงแสดงไว้แล้ว ๔๕ พรรษา

แต่เมื่อไม่มีใครสนใจที่จะศึกษาให้ละเอียด ให้เข้าใจจริงๆ ก็เชื่อ แต่เชื่อผิดหรือเปล่า? เพราะไม่ได้คิดไตร่ตรอง จะถูกไหม? อย่างสำนักปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติคืออะไร? ยังไม่รู้เลยก็ไปแล้ว อย่างนั้นควรเชื่อไหม? ไม่รู้เลยก็ไป ควร ไม่ควร?  เห็นไหม? เพราะพระองค์ตรัสแล้วว่า ไม่ใช่เชื่อตามๆ กัน แต่ต้องเข้าใจ แล้วก็เห็นถูกต้อง และรู้ด้วยว่า คนนั้นไม่ได้พูดเอง  ไม่ได้มีปัญญาที่จะไปพูดเองได้

เพราะฉะนั้น ทั้งหมดนี้ ทุกคนเคารพในพระธรรม เพราะได้เข้าใจ และที่ว่านับถือดิฉัน ก็เพราะเหตุว่า ดิฉันเป็นคนที่พูดคำ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ทุกคำ ไม่ใช่คำของดิฉันเลย

บันทึกการสนทนาบางตอน ระหว่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา กับ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ประธานกรรมการนโยบายไทยพีบีเอส นายชัยรัตน์ แสงอรุณ กรรมการนโยบายไทยพีบีเอส นายจรัญ ภักดีธนากุล กรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา และ อ.คำปั่น อักษรวิลัย ปธ.๙ วิทยากรมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เมื่อวันอังคารที่ ๑๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓

ขอเชิญติดตามชมและฟังการสนทนาฉบับเต็มได้ที่ลิงค์ด้านล่าง :
ดร.เจิมศักดิ์สนทนาธรรมกับอ.สุจินต์ วันอังคาร ที่ ๑๗ พ.ย. ๖๓

[เล่มที่ 52] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ - หน้าที่ 49

เถรคาถา  เอกนิบาต  วรรคที่ ๒

๑. มหาจุนทเถรคาถา

ว่าด้วยคาถาของพระมหาจุนเถระ

[๒๖๘]  ได้ยินว่า พระมหาจุนทเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า การฟังดี เป็นเหตุให้การฟังเจริญ  การฟังเป็นเหตุให้เจริญปัญญา  บุคคลจะรู้ประโยชน์ ก็เพราะปัญญา ประโยชน์ที่บุคคลรู้แล้ว  ย่อมนำสุขมาให้  ฯลฯ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 7 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pulit
วันที่ 8 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ