สอบถามหน่อยครับ

 
soloyahaa
วันที่  12 มี.ค. 2564
หมายเลข  33865
อ่าน  440

1. ถ้าบรรลุเป็นพระโสดาบัน​ตายแล้วจะไม่ไปอบายภูมิใช่ไหมครับ​เพราะเป็นอริยะบุคคล​ใช่ไหมครับ? 

2. รูปภูมิ​ อรูปภูมิ​เมื่อสิ้นอายุไขยังต้องไปอบายภูมิใช่ไหมครับ? 


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 มี.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

1.ถ้าบรรลุเป็นพระโสดาบัน​ตายแล้วจะไม่ไปอบายภูมิใช่ไหมครับ​เพราะเป็นอริยะบุคคล​ใช่ไหมครับ? 

ถูกต้องครับ การเกิดในภพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสุคติภูมิ หรือ ทุคติภูมิก็ตาม เป็นผลเนื่องมาจากยังมีกิเลสอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ตัณหา และ อวิชชา เพราะยังมีตัณหาและอวิชชา การเกิดในภพใหม่ก็ยังมีอยู่ตราบนั้น เพราะบุคคลผู้ที่ไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ คือ พระอรหันต์เท่านั้น พระอรหันต์ดับตัณหาและอวิชชาได้อย่างเด็ดขาด ประเด็นเรื่องพระโสดาบัน   ก่อนอื่นควรที่จะได้เข้าใจว่า พระโสดาบัน คือใคร? พระโสดาบัน คือ ผู้ที่ถึงพระนิพพาน  เป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือ เป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๑ ที่ได้ประจักษ์แจ้งพระนิพพานดับกิเลสได้ในระดับหนึ่ง ดับกิเลสได้เพียงบางส่วนตามสมควรควรแก่มรรคที่ท่านได้ ยังไม่สามารถดับได้ทั้งหมด พระโสดาบันดับความเห็นผิดทุกประการ ดับความลังเลสงสัยในสภาพธรรม ดับความตระหนี่ ดับความริษยา ดับกิเลสอย่างหยาบที่จะเป็นเหตุให้ไปเกิดในอบายภูมิ เพราะพระโสดาบันเป็นผู้ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิอีกต่อไป ท่านเกิดอีกอย่างมาก ไม่เกิน ๗ ชาติ เป็นผู้แน่นอนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงๆ ขึ้นไป กล่าวคือ  บรรลุเป็นพระสกทาคามี พระอนาคามี จนกระทั่งถึงความเป็นพระอรหันต์ในที่สุด  

ซึ่งพระโสดาบัน ดับกิเลส ที่จะทำให้เกิดในอบายภูมิแล้ว เพราะฉะนั้น จิตและเจตสิกของพระโสดาบัน สามารถเกิด อกุศลจิต มีโลภะ โทสะ โมหะได้ แต่ ไม่ใช่ เป็นวิถีจิตสุดท้าย ๕ ขณะ ก่อนสิ้นชีวิต หากแต่ว่า พระโสดาบัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จิตขณะสุดท้าย ๕ ขณะของท่าน จะต้องเป็นกุศลจิตเท่านั้น ไม่มีทางที่จะทำให้เกิดอกุศลจิตได้เลย เพราะเป็นธรรมนิยาม ธรรมดาของพระโสดาบัน ที่จะเป็นกุศลจิต ขณะสุดท้าย ของจิต ๕ ขณะ อันเป็นไปเพื่อที่จะทำให้เกิด สุคติภูมิ ไม่เกิดในอบายภูมิ เพราะ ชวนจิต ๕ ขณะ เป็น กุศลจิต ครับ นี้คือความเป็นธรรมดาของพระโสดาบันทั้งหลาย

พระโสดาบันท่านเป็นพระอริยบุคคลผู้มีปัญญาเข้าถึงกระแส แห่งพระนิพพาน ละความเห็นผิดในขันธ์ทั้ง ๕ ละความสงสัย ละมัจฉริยะได้แล้ว ชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญามากและกิเลสเบาบางกว่าปุถุชนมาก  ท่านย่อมไม่หลงกระทำกาลกิริยา ไม่มีจิตเศร้าหมองในขณะใกล้มรณะ เป็นผู้มีคติแน่นอน ไม่เกิดในอบายภูมิอีกเลย เพราะผู้มีจิตเศร้าหมองในเวลาใกล้ตาย ย่อมเกิดในทุคติภูมิ แต่พระอริยบุคคลทั้งหลายย่อมไม่เป็นเช่นนั้น

พระโสดาบัน คือ ผู้ที่มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรม ความเป็นพระอริยะที่ท่านได้ จะไม่เสื่อม ไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นปุถุชนได้อีก มีแต่จะมีการอบรมเจริญปัญญาสะสมปัญญาเพิ่มขึ้นเพื่อการบรรลุมรรคผลเบื้องสูงขึ้นไป จนกว่าจะสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด การเป็นพระโสดาบัน เป็นได้ด้วยปัญญา จะขาดปัญญา ไม่ได้เลย สำคัญที่เหตุคือ การได้คบกับผู้ที่เป็นกัลยาณมิตร ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมจากกัลยาณมิตรนั้น กัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง และเพราะได้สะสมปัญญามาแล้วในอดีต จึงสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบันบุคคลได้ ซึ่งปัญญาที่ได้สะสมมานั้น ไม่สูญหายไปไหน มีแต่จะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ครับ

2.รูปภูมิ​ อรูปภูมิ​เมื่อสิ้นอายุไขยังต้องไปอบายภูมิใช่ไหมครับ? 

ถ้ายังเป็นปุถุชน หากเป็นพรหมบุคคล ชาติที่ตายจาก พรหมบุคคล ก็ยังไม่ไปอบายภูมิ แต่ชาติถัดๆไป ไปเกิดในอบายภูมิได้ ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
soloyahaa
วันที่ 13 มี.ค. 2564

ผมหาอ่านหาฟังในยูทูป​ ไม่ค่อยเข้าใจ

มาสอบถามที่นี่​ ผมอ่านที่พี่ตอบมารอบเดียวผมเข้าใจเลย​ขอบพระคุณครับสำหรับความรู้​

ขออนุโมทนาครับ

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 21 มี.ค. 2564

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 24 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ