การทำงานที่สุจริต เช่น ค้าขาย ขับรถส่งของ ช่างเชื่อม ฯลฯ ในแต่ละวัน จัดเป็นสัมมาสมาธิหรือไม่

 
lokiya
วันที่  12 มี.ค. 2564
หมายเลข  33870
อ่าน  550

ช่วยอธิบายด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 มี.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งมั่นชอบ หมายถึง เอกัคคตาเจตสิกที่เกิดกับกุศลจิต ในขณะที่สติปัฏฐานและวิปัสสนาญาณเกิด สัมมาสมาธิทำจิตและเจตสิกอื่นให้ตั้งมั่นในอารมณ์ คือ นามธรรมหรือรูปธรรมที่กำลังปรากฏ เพื่อที่ปัญญาจะได้รู้ชัดลักษณะของนามรูปนั้นๆ และเมื่อมัคคจิตเกิดขึ้นสัมมาสมาธิก็ทำให้จิต และเจตสิกอื่นตั้งมั่นในอารมณ์คือ นิพพาน และ สัมมาสมาธิ ยังหมายถึง ความตั้งมั่นชอบที่เป็นเอกัคคตาเจตสิก ที่เกิดกับจิตที่เป็นกุศลและประกอบด้วยปัญญา ขณะที่เป็นฌานจิต ขณะนั้น มีสัมมาสมาธิที่สงบจากกาม สงบจากอกุศลธรรมทั้งหลาย ครับ

การประกอบอาชีพสุจริต ก็แล้วแต่ขณะจิตว่าจิตขณะนั้นเป็นอย่างไร เป้นกุศล อกุศล เกิดปัญญาความเห็นถูกหรือไม่ก็แล้วแต่บุคคล สำคัญที่เข้าใจคำว่า สัมมาสมาธิ

สัมมาอาชีวะก็คือการเลี้ยงชีพชอบ หมายถึง วิรตีเจตสิกดวงหนึ่งที่ทำกิจให้เกิดการงดเว้นจากมิจฉาชีพซึ่งเป็นไปทางกาย หรือ วาจาที่ทุจริต เช่น ขณะที่งดเว้นในการประกอบอาชีพที่ไม่ดี ซึ่งอาชีพที่ไม่ดี ก็ต้องเนื่องด้วยกาย และวาจา ขณะที่ไม่ฆ่าสัตว์ อันเนื่องด้วยอาชีพก็เป็นผู้งดเว้นจาก กายทุจริต มีการฆ่าสัตว์ในขณะนั้น และมาประกอบอาชีพที่สุจริต งดเว้นจากวาจาที่โกหก เช่น เป็นแม่ค้า แต่งดเว้นที่จะโกหก อันเป็นไปเพื่อประกอบอาชีพสุจริต ก็งดเว้นวาจาที่ไม่ดีและดำรงอยู่ในสัมมาอาชีวะ ครับ ส่วนสัมมาอาชีวะในอริยมรรคมีองค์ 8 ที่เกิดพร้อมกัน ก็ในขณะนั้นเกิดพร้อมกันกับองค์อื่นๆ ที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย ที่เป็นปัญญาระดับโลกุตตระที่ทำหน้าที่ดับกิเลสได้หมดสิ้นจริงๆ ต่างจากสัมมาอาชีวะในชีวิตประจำวันที่ไม่มีปัญญา ไม่สามารถละกิเลสได้จริงๆ ในขณะนั้น ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 13 มี.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จุดประสงค์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริง ดังนั้น เมื่อได้ยินได้ฟังคำอะไร ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า สิ่งนั้น คือ อะไร และประการที่สำคัญ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ทุกคำ ทุกพยัญชนะ เพื่อให้เข้าใจความจริง แม้แต่ คำว่า สมาธิ ก็เช่นเดียวกัน

สมาธิ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว เป็นเจตสิกประการหนึ่งที่ตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด อารมณ์ คือ สิ่งที่จิตรู้ เมื่อจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ และ ก็จะต้องมีสมาธิซึ่งเป็นเอกัคคตาเจตสิกเกิดร่วมกับจิตทุกครั้งทุกขณะ ไม่เว้นเลย ตั้งมั่นในอารมณ์ที่จิตกำลังรู้ ดังนั้น ไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะนอน จะเดิน จึงไม่ปราศจากสมาธิเลย เพราะเกิดกับจิตทุกขณะ และที่ควรพิจารณาคือ สมาธิหรือเอกัคคตาเจตสิก เกิดกับอกุศล ก็เป็นอกุศลสมาธิ ไม่ควรเจริญ ไม่ควรประกอบ เพราะไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม มีปัญญาเป็นต้น มีแต่จะเพิ่มพูนความไม่รู้และอกุศลธรรมอื่นๆ ต่อไป

สมาธิที่ควรอบรมคือสัมมาสมาธิซึ่งเป็นไปพร้อมกับการอบรมเจริญปัญญารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะต้องตั้งต้นที่การฟังพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ ดังนั้น ไม่ว่าจะทำอะไร ที่ไหน ถ้าไม่ได้มีการตั้งมั่นชอบในขณะที่สติและปัญญาเกิดขึ้นการระลึกรู้สภาพธรรม ไม่ใช่สัมมาสมาธิ และ ที่สำคัญ อกุศลเกิดขึ้นเป็นไปมากในชีวิตประจำวัน สมาธิที่เป็นอกุศล จึงมีมากตามสภาพจิตที่เป็นอกุศล นั่นเอง ครับ

ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

สัมมาสมาธิ ต้องประกอบด้วย ปัญญา

..ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 13 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
lokiya
วันที่ 13 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kullawat
วันที่ 17 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ 

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 21 มี.ค. 2564

อนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ