ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๙

 
khampan.a
วันที่  14 มี.ค. 2564
หมายเลข  33877
อ่าน  1,385

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๙
* *



~ ใครเป็นผู้นำโลก? คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำไปสู่ความเข้าใจถูกความเห็นถูก

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบท (สิ่งที่จะต้องศึกษาและประพฤติตาม) สำหรับบรรพชิตว่าเมื่อเป็นภิกษุในพระธรรมวินัย ต้องประพฤติต่างจากคฤหัสถ์ เพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่ คือ ได้เข้าใจพระธรรมสามารถที่จะอนุเคราะห์คฤหัสถ์ให้เข้าใจพระธรรมได้ ให้ประพฤติขัดเกลากิเลสได้ แต่ไม่ใช่ไม่สอนไม่สนทนาธรรมไม่แบ่งปันความรู้

~ ผู้ที่จะเป็นภิกษุในพระธรรมวินัย ต้องไม่ประพฤติอย่างคฤหัสถ์ทุกประการ

~ ผู้ที่บวช เพียงแค่ชีวิตประจำวัน เป็นภิกษุในพระธรรมวินัยหรือเปล่า? ถ้าไม่เป็น เสรีภาพ มี คือ สึก (ลาสิกขา) ได้ทันที เป็นคฤหัสถ์ อยากจะทำอะไร ก็ได้ อยากจะลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ อยากจะเป็นอะไรก็ได้ คฤหัสถ์ทำได้

~ คิดเองทั้งหมด คือ ทำลายพระพุทธศาสนา

~ ทำไมไม่ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่กลับทำลายคำสอนของพระองค์และพระวินัยของพระองค์ที่ได้ทรงบัญญัติแล้วด้วย เพราะไม่รู้ นั่นคือ ความไม่นับถือ นั่นคือ ความไม่เคารพ แต่คิดว่านับถือ

~ ก่อนตายทำอะไรไว้บ้าง? แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าตายแล้วก็ต้องเกิดอีก แล้วจะเกิดเป็นอะไร ก็ตามที่เคยมีเคยเป็นในชาตินี้แหละ ไม่หายไปไหน พระธรรม สอนทุกอย่างที่มีจริงเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง แล้วใครสามารถที่จะเข้าใจได้ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่คือ คุณที่ยิ่งใหญ่ที่ประเสริฐที่สุดที่ไม่มีใครเปรียบได้ พูดอย่างนี้ คือ นับถือพระพุทธศาสนา มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ใช่ไหม? แต่ถ้าพูดอย่างอื่น ไม่ได้พึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เพราะฉะนั้น จะเป็นอย่างไร จะผิดหรือจะถูก เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ผู้นับถือพระพุทธศาสนา ถ้าคิดเอง

~ มีผู้ที่เข้าใจว่าพระพุทธศาสนาในประเทศไทยรุ่งเรือง แต่ดูจากพฤติกรรม ดูจากคำสอน รุ่งเรืองตรงไหน? ตรงที่มีความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น

~ การที่เรากล่าวถึงพระธรรมวินัยทั้งหมดเพื่อช่วยหรือเปล่า? อนุเคราะห์หรือเปล่า? จากอบายภูมิ ซึ่งนานจนกระทั่งนับไม่ถ้วนว่าจะนานสักเท่าไหร่ แล้วก็จะได้เกิดเป็นมนุษย์อีกไหมก็ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้น ไม่ควรจะเห็นแค่เพียงไม่กี่วันในชาตินี้แต่ชาติต่อไปนี้สำคัญมาก เพราะฉะนั้น เป็นผู้ที่หวังดีหรือเปล่าที่จะให้รู้ความจริง เพื่อที่จะได้ประพฤติตนให้ถูกต้อง ไม่ทำลายพระธรรมวินัย

~ เป็นคฤหัสถ์ที่ดีก่อนดีไหม? เพราะแค่เป็นคฤหัสถ์ที่ดีก็ยาก แล้วถ้ายิ่งเป็นเพศบรรพชิตที่จะเป็นภิกษุที่ดี ต้องเป็นผู้ที่มั่นคงอย่างยิ่งในการที่จะสละชีวิตคฤหัสถ์ มิฉะนั้น จะเป็นภิกษุที่ดีไม่ได้

~ ต้องรู้จักว่าความเป็นเพศบรรพชิตเป็นเพศที่สูงมาก เป็นเพศที่ยากมาก เพราะเหตุว่า สละเพศของคฤหัสถ์โดยสิ้นเชิง โดยประการทั้งปวง จากคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิต ยากไหม?

~ ความดีของพระภิกษุ อยู่ที่ความเข้าใจที่ถูกต้อง

~ แม้พระภิกษุในพระธรรมวินัยในครั้งพุทธกาล ก็ได้แสดงความจริงว่าเพศภิกษุผู้รักษาพรหมจรรย์ (ประพฤติประเสริฐ) เป็นเพศที่ยากอย่างยิ่งในการที่จะประพฤติด้วยความที่เห็นโทษของกิเลสจึงละกิเลสทุกอย่าง แต่ถ้าไม่เห็นโทษ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นกิเลส ก็ละไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะไม่ละกิเลส ทำทุกอย่างอย่างคฤหัสถ์ ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย

~ ภิกษุใดที่ไม่ศึกษาพระธรรม เป็นภิกษุในพระธรรมวินัยหรือเปล่า?

~ ภิกษุเดินมา และตอนเช้าก็มีบาตรด้วย เดินบิณฑบาต แต่พอเปิดฝาบาตร ข้างในนั้นเต็มไปด้วยเงิน นี่เป็นภิกษุในพระธรรมวินัยหรือเปล่า? ทุกอย่างเป็นความจริง ต้องตรงต่อความเป็นจริง ว่า ผู้นั้น ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย เพราะเหตุว่า ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ไม่ทราบว่า เคยรู้ไหมว่า พระวินัย กล่าวไว้อย่างไร? ถ้ารู้ว่า ภิกษุรับเงินรับทองไม่ได้ จะรับไหม?

~ มีสิทธิ์ที่จะศึกษาพระธรรมวินัย แล้วจะศึกษาไหม?

~ จะเป็นประโยชน์มากที่จะรู้จักตัวเอง ซึ่งสามารถจะเริ่มเข้าใจจากการฟังพระธรรม ซึ่งเป็นการสะสมใหม่ เพราะเหตุว่า การสะสมเดิม คือ อวิชชา (ความไม่รู้) และโลภะ (ความติดข้อง) แต่ว่าเมื่อมีโอกาสได้ฟังพระธรรม จะเป็นการสะสมใหม่ คือ สะสมปัญญา ซึ่งตรงกันข้ามกับอวิชชา แล้วก็สะสมอโลภะ (ความไม่ติดข้อง) อโทสะ (ความไม่โกรธ) ซึ่งตรงกันข้ามกับโลภะ โทสะ

~
ขณะใดที่โกรธบ่อยๆ ลักษณะของโทสะเกิดมาก เป็นไปในอาการต่างๆ และเป็นผู้ที่มีความโกรธเกิดขึ้นง่ายและเร็ว ขณะนั้นก็เป็นผู้สะสมโทสะมามาก ก็เป็นผู้ที่รู้สึกตัวว่า เป็นคนเจ้าโทสะ

~
ถ้าเกิดโกรธ ส่วนใหญ่แล้วจะมองคนอื่น หรือว่าเห็นโทษของคนอื่น แต่ลืมย้อนกลับมาพิจารณาตนเองว่า ตนเองได้กระทำผิดอะไรบ้างหรือเปล่าแม้เพียงเล็กน้อย ถ้าตัวท่านเองเป็นผู้ผิด เป็นเหตุให้คนอื่นกระทำกาย วาจาอย่างนั้น ถ้าพิจารณาโทษของคนอื่นแล้วโกรธ ไม่เป็นประโยชน์เท่ากับพิจารณาความผิดของตนเองว่ามีความผิดอะไรหรือเปล่า เมื่อเห็นความผิดของตนเอง ย่อมสามารถที่จะแก้ความผิดนั้น แล้วก็ไม่โกรธคนอื่นด้วย เพราะเหตุว่า ถ้าเป็นความผิดของท่าน ท่านก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเพื่อที่จะได้ไม่ทำ แต่ถ้าเป็นความผิดของคนอื่น โดยที่ว่าท่านเองไม่ได้เป็นผู้ผิด การโกรธเคืองผู้ทำผิด ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเหมือนกัน เพราะเหตุว่าถ้าท่านโกรธคนอื่นที่ทำผิด ขณะที่โกรธนั้นเป็นความผิดของท่านเองอีกแล้วที่โกรธคนอื่น

~ อกุศลของเขา เราไม่เดือดร้อน เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นกุศลเมื่อไหร่ ไม่เดือดร้อน ไม่พลอยเป็นอกุศลไปด้วย เพราะฉะนั้น ใครกล่าวอย่างไรด้วยจิตประเภทใด ถ้าเป็นอกุศลจิต ก็ไม่ใช่เราเป็นอกุศลจิต แต่เขาเป็นอกุศลจิต รู้ไหมว่าขณะนั้นเป็นธรรมที่ควรละ


~ "ทำดีเท่าไหร่ไม่มีวันพอ" ควรจะเป็นคติประจำใจจริงๆ เพราะว่าอกุศลนั้นมากมายเหลือเกินที่จะต้องละ

~ คำพูดที่ไม่เป็นประโยชน์ ควรพูดไหม?


~ นึกถึงคราวที่จะได้รับผลของกรรม เพื่อที่จะระลึกได้ว่า กรรมใดเป็นอกุศล ก็จงรีบละเว้นเสีย เพราะเหตุว่า อกุศลในอดีตก็ได้กระทำมามากมายแล้ว และถ้ายังกระทำต่อไป ก็ย่อมเป็นปัจจัยที่จะกระทำให้เป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้น

~ ถ้าเป็นชาวพุทธ บอกว่าเป็นชาวพุทธ หมายความว่า เป็นผู้ที่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเคารพ ไม่ใช่ฟังแล้วก็เผิน แล้วก็คิดเอง แต่ว่า ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวถึงสิ่งที่ใครไม่อาจรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องอาศัยการฟังด้วยความเคารพอย่างยิ่ง พิจารณาทุกคำ ทีละคำ แล้วจึงจะเห็นความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ เมื่อผิด ต้องแก้ ถ้าปล่อยไป ก็ไม่มีวันที่จะถูกได้ และอีกประการหนึ่ง ก็คือว่า คำว่าสายเกินไป หมายความว่า เดี๋ยวนี้ไม่ทำ เพราะฉะนั้น ถ้าเริ่มทำเดี๋ยวนี้ ก็จะไม่สายเกินไป ถ้าทุกคนเห็นประโยชน์จริงๆ และร่วมแรงร่วมใจ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งในการที่เราบอกว่าเราเป็นชาวพุทธ หมายความว่า ต้องศึกษาให้เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่คิดเองแล้วก็ทำลายคำสอนของพระองค์ เพราะฉะนั้น ขึ้นอยู่กับปัญญา ใครเริ่มเดี๋ยวนี้ คือ ผู้ที่มีปัญญา ที่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผิดแก้ได้ เมื่อแก้ เดี๋ยวนี้ เริ่มเลย

~ ทุกคนที่เข้าใจว่านับถือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คงจะรู้ความสำคัญว่าไม่ใช่เพียงกล่าวหรือคิดว่าตนเองนับถือ แต่ต้องเป็นผู้ที่มีเหตุผลด้วยว่า นับถือ เพราะได้เข้าใจพระธรรมที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้วโดยละเอียดอย่างยิ่ง จึงจะดำรงรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ซึ่งถ้าไม่มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชีวิตจะเป็นอย่างไร ก็เห็นกันอยู่ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้เข้าใจพระธรรมแล้วปัญญาที่ได้เข้าใจพระธรรมแล้วจะนำชีวิตไปสู่ในทางที่ถูกต้องยิ่งขึ้น

~ ทุกคนมีหน้าที่ที่จะทำ อย่างบุตรก็มีหน้าที่ต่อมารดาบิดา ปรนนิบัติท่านทุกประการ พระศาสนามีพระธรรมเป็นพระสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ต้องดูแลอย่างดีไหม ต้องศึกษาด้วยความเคารพอย่างยิ่งไหม? ต้องช่วยกันทะนุบำรุงและให้คนอื่นได้มีโอกาสได้ยินได้ฟังคำที่พระองค์ได้ทรงพระมหากรุณาบำเพ็ญพระบารมีเพื่อแต่ละคนที่สะสมมาที่เห็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น ใครไม่ทำ เราก็ทำ ถ้าทุกคนเห็นอย่างนี้ ประพฤติอย่างนี้ พระศาสนาก็จะดำรงอยู่ต่อไปได้


* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๘




...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 14 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
natthayapinthong339
วันที่ 14 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 14 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Kalaya
วันที่ 15 มี.ค. 2564
อนุโมทนาที่ได้มีโอกาสมาศึกษาพระธรรมค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 15 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
mammam929
วันที่ 15 มี.ค. 2564

กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และกราบอนุโมทนาอาจารย์วิทยากรทุกท่านค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 15 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
kukeart
วันที่ 15 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Khemsai
วันที่ 15 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
มังกรทอง
วันที่ 15 มี.ค. 2564
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ สาธู สาธุ ขอรับ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
มังกรทอง
วันที่ 16 มี.ค. 2564
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ สาธู สาธุ ขอรับ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pulit
วันที่ 17 มี.ค. 2564

กราบอนุโมทนา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เซจาน้อย
วันที่ 21 มี.ค. 2564

อนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ