พระพุทธเจ้าเคยทำอกุศล เมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ตอนสะสมบารมีไหมครับ
ตามหัวข้อเลยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คำว่า โพธิสัตว์ หมายถึง สัตว์ แปลว่า ผู้ข้อง โพธิ คือ การตรัสรู้
โพธิสัตว์ ความหมาย คือผู้ที่ข้องอยู่ เพื่อการตรัสรู้ หรือ พูดง่ายๆ คือ ผู้ที่จะตรัสรู้ในอนาคต ครับ ดังนั้น โพธิสัตว์ คือ ผู้ที่จะตรัสรู้ในอนาคต จึงมี ๓ ประเภท คือ
สาวกโพธิสัตว์
ปัจเจกโพธิสัตว์
สัมมาสัมพุทธโพธิสัตว์
ทั้ง ๓ ประเภท นี้ คือ สัตว์ที่จะตรัสรู้ในอนาคต
สัมมาสัมพุทธโพธิสัตว์ หรือ สัมมาสัมพุทธโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่บำเพ็ญพระบารมีมาเพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง แล้วสอนให้ผู้อื่นได้รู้ตาม
ปัจเจกโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่บำเพ็ญพระบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ตรัสรู้สภาพธรรมได้ด้วยตนเอง แต่ไม่สามารถสอนให้ผู้อื่นรู้ตามได้
สาวกโพธิสัตว์ หรืออนุพุทธโพธิสัตว์ คือ ผู้บำเพ็ญบารมี เพื่อตรัสรู้ธรรม เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ
ซึ่งจากคำถาม มุ่งหมายถึง สัมมาสัมพุทธโพธิสัตว์ พระองค์ก็ยังมีกิเลสเต็ม เป็นปุถุชน ดังนั้น การที่ไม่ทำบาป คือ ไม่ล่วงศีล 5 เลย บุคคลนั้นจะต้องถึงความเป็นพระอริยบุคคล เป็นพระโสดาบัน ดังนั้น เมื่อยังเป็นปุถุชน พระโพธิสัตว์ก็ยังล่วงศีล 5 ได้เป็นปกติ บางพระชาติก็ฆ่าลูกของพี่ชาย บางพระชาติก็ล่วงศีล ข้อ 2 ข้อ 3 ก็มี แต่ ในศีล 5 ท่านจะไม่ล่วงศีล ไม่ทำบาป คือ มุสาวาทเลย ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้าที่ ๘๗๓
ในกาลก่อน เราได้ฆ่าพี่น้องชายต่างมารดา เพราะเหตุแห่งทรัพย์ จับใส่ลงในซอกเขา และ บด (ทับ) ด้วยหิน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระเทวทัตจึงผลักก้อนหินก้อนหินกลิ้งลงมากระทบนิ้วแม่เท้าของเราจนห้อเลือด
ในกาลก่อน เราเป็นนายควาญช้าง ได้ไสช้างให้จับมัดพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้อุดมมุนีแม้ กำลังเที่ยวบิณฑบาต ด้วยวิบากกรรมนั้น ช้างนาฬาคิรีอันดุร้าย วิ่งแล่นเข้าไปในคอก (ท้อง) เขา (วงกต) เบื้องหน้าผู้ประเสริฐ
ในกาลก่อน เราเป็นนายทหารราบ (เป็นแม่ทัพ) ฆ่าบุรุษเป็นอันมากด้วยหอก ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราถูกไฟไหม้อย่างเผ็ดร้อนอยู่ในนรกด้วยผลอันเหลือแห่งกรรมนั้น บัดนี้ ไฟนั้นยังมาไหม้ผิวหนังที่เท้าของเราทั้งสิ้น (อีก)
อกุศลกรรม เป็นการกระทำที่ไม่ดี เป็นการกระทำที่ชั่ว มีการฆ่าผู้อื่นเป็นต้น เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ตราบใดที่ยังไม่สามารถดับกิเลสอันเป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรมได้ ก็ยังสามารถกระทำกรรมที่ไม่ดีได้ จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีว่า จะประมาทกำลังของกิเลสไม่ได้เลยทีเดียว ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...