วิบากกรรมทำงานยังไง
ได้เข้าไปฟังคลิปบางคลิปที่ท่านอาจารย์สอน พอเลื่อนอ่านคอมเมนต์จำนวนมากมีคนมาด่าท่านอ.สุจินต์เสียหายและหยาบคายมาก ที่ตัวเราต้องมาอ่านเจอนี้ เพราะวิบากร้ายทางตาของเราใช่ไหมคะ(เพราะทำให้รู้สึกกังวล เครียด หวาดกลัว) เมื่อท่านอ.ไม่รู้เรื่องนี้ก็เท่ากับไม่ได้รับวิบากร้าย ส่วนคนที่คอมเมนต์หยาบคาย ถือว่าสร้างกรรมไม่ดีหรือเปล่าและผลของกรรมจะเป็นในทิศทางไหนคะ อีกอย่าง ทำไมเราสร้างกรรมดี คือ การเผยแพร่พระธรรม ผลจึงเป็นเช่นนี้คะ งงในงง ทำให้เกิดความสั่นคลอน เรื่องกรรมและผลของกรรมค่ะ รบกวนโปรดอธิบายหลักการที่ถูกต้องด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กรรมของใครก็ของคนนั้น จิตของใครก็ของคนนั้น การมีเจตนาด่า ว่าร้ายบุคคลอื่น เจตนาของผู้ว่าร้ายมีแล้ว และก็ว่าร้าย กรรมนั้นสำเร็จจากตัวผู้กระทำเอง ก็เป็นอันผิดศีล ซึ่งน่าสงสารผู้ที่ทำบาป เพราะมากไปด้วยความไม่รู้ และจะต้องรับผลของกรรมไม่ดี เมื่อกรรมให้ผล ส่วนผู้ที่ได้รับการด่าว่ากล่าว ก็เพราะกรรมไม่ดีเป็นปัจจัย แม้พระพุทธเจ้าก็ยังได้รับคำด่าว่ากล่าว เพราะอกุศลกรรมให้ผล จะกล่าวไปใยถึงคนอื่นเล่า
ดังนั้น สัตว์โลกมากไปด้วยความไม่รู้ ควรเห็นใจ สงสาร ในการกระทำของเขา ความเห็นถูกมีน้อยและไม่สาธารณะ ครับ
ดังในข้อความในพระไตรปิฎกที่แสดงว่า
เมื่อผู้ที่ทำผิดเป็นผู้มีคุณ เธอไม่ควรโกรธ
หากผู้ที่ทำผิด ไม่มีคุณกับเราเลย ควรสงสารเป็นพิเศษ
และดังคำกล่าวท่านอาจารย์สุจินต์ เตือนใจดังนี้
อกุศลของเขา เราไม่เดือดร้อน เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นกุศลเมื่อไหร่ ไม่เดือดร้อน ไม่พลอยเป็นอกุศลไปด้วย เพราะฉะนั้น ใครกล่าวอย่างไรด้วยจิตประเภทใด ถ้าเป็นอกุศลจิต ก็ไม่ใช่เราเป็นอกุศลจิต แต่เขาเป็นอกุศลจิต รู้ไหมว่าขณะนั้นเป็นธรรมที่ควรละ
ใครจะกล่าวอย่างไร ก็เป็นอกุศลของบุคคลนั้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่กล่าวร้ายดิฉัน แต่ว่าดิฉันไม่ได้เดือดร้อนเลย เพราะอกุศลของเขา จะมาทำให้ดิฉันเดือดร้อนได้อย่างไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสให้ละอกุศล ความเดือดร้อนใจก็เป็นอกุศล เพราะฉะนั้น ถ้าประพฤติปฏิบัติตามเพราะรู้คุณว่าทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้ไม่เดือดร้อน ไม่มีเรา แต่เป็นธรรม (สิ่งที่มีจริง) และขณะนั้นธรรมอะไร ถ้าธรรมที่เป็นอกุศลของคนว่า แต่ใครที่เดือดร้อนนั่นเป็นอกุศลของคนนั้นแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ควรมีอกุศล อกุศลเป็นสิ่งที่ควรละ เพราะฉะนั้น ค่อยๆ ประพฤติตามคำของพระองค์ โดยไม่เดือดร้อน
ขออนุโมทนา
กราบขอบพระคุณค่ะ นอกจากพระธรรมจะเข้าใจได้โดยยากแล้ว บุคคลเป็นอันมากกลับมั่นคงในความเห็นผิด ถึงขนาดให้ร้ายต่างๆนานา แม้ไม่เชื่อในแนวทางของมูลนิธิ ไม่เปิดใจรับฟัง ก็ไม่ควรที่จะใช้ถ้อยคำหยาบคายรุนแรง(นิสัยยังไม่ดีพอที่จะเกิดความสงสารเป็นอย่างยิ่งค่ะ แอบนึกตำหนิ จิตยังไม่มีสติไปในทางกุศล) ผ่านจากรุ่นนี้ไป คงหาบุคคลที่รักษาพระธรรมได้ยากแล้ว ขอให้ท่านอาจารย์ทุกท่านในมูลนิธิอยู่บนโลกนี้นานๆนะคะ สถานการณ์โลกไม่สู้ดีเลย...🤒 แล้ว...ถึงที่สุดดวงจิตที่ไม่พบพระธรรม ไม่เข้าใจพระธรรม ละกิเลสไม่ได้ ก็จะวนเวียนในสังสารวัฎไปตลอดกาลใช่ไหมคะ หรือว่า มันคือวิวัฒนาการของจิตที่วันนึงก็จะบรรลุธรรมได้อยู่ดี แค่ใช้เวลาไม่เท่ากัน...เพราะเราไปทำอะไรก็ไม่ได้ ขึ้นกับการสะสมปัญญาเท่านั้น...หรืออย่างไรคะ
เรียนความเห็นที่ 2 ครับ
สำคัญที่ตนเองเป็นสำคัญ ว่า เข้าใจพระธรรมมากน้อยแค่ไหน คนอื่นหรือใคร ก็ไม่สามารถทำอะไรปัญญาที่สะสมมาได้ แต่ละหนึ่งก็แต่ละคน เพราะแต่ละจิต ดังนั้นประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม คือ เริ่มเข้าใจถูกว่าไม่ใช่เรา ไม่มีใคร ไม่มีใครว่าใคร มีแต่ธรรม กุศล อกุศลที่เป็นไป นี่คือ ประโยชน์ของการเข้าใจพระธรรม และ ปัญญาจะทำกิจหน้าที่ จนที่สุด ละความยึดถือว่าเป็นเรา เป็นเขา อันเกิดจากการฟังพระธรรมต่อไป ครับ
ขออนุโมทนา
กราบขอบพระคุณค่ะ ยังมีตัวตนเต็มที่เลยค่ะ ต้องศึกษาไปอีกนานแสนนานนนนน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 18] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๒๖๔
(กกจูปมสูตร)
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย หากจะมีพวกโจรผู้มีความประพฤติต่ำช้า เอาเลื่อยที่มีด้ามสองข้าง เลื่อยอวัยวะใหญ่น้อยของพวกเธอ แม้ในเหตุนั้น ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใด มีใจคิดร้ายต่อโจรเหล่านั้น ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้นไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสั่งสอนของเรา เพราะเหตุที่อดกลั้นไม่ได้นั้น
ขอเชิญคลิกรับชม/รับฟัง/อ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
เพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้
ไปโกรธเขาทำไม แล้วบารมีอยู่ไหน
...ยินดีในความดีของทุกๆท่านครับ...