ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๐๐
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๐๐ * *
~ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วมีความเข้าใจที่ถูกต้องจึงนับถือในพระคุณสูงสุดของพระองค์ที่ทำให้จากไม่รู้ (อวิชชา) มากมายมหาศาล ก็ค่อยๆ รู้ความจริงทีละหนึ่ง จึงรู้ว่าคำพูดของพระองค์ จริง ถูกต้อง เพราะทรงตรัสรู้
~ ต้องไม่ลืมว่า ถ้าเบื่อแต่ละคำพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือว่าไม่สามารถที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ผู้นับถือพระองค์ เขาไม่มีวันที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่มีตั้งแต่เกิดจนตาย
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ทุกอย่างที่เกิด ดับ ไม่กลับมาอีกเลย สิ่งที่ปรากฏวันนี้ ไม่ใช่เมื่อวานนี้ คิดเดี๋ยวนี้ไม่ใช่คิดเมื่อวานนี้ โกรธวันนี้ก็ไม่ใช่โกรธวันก่อนนั้น แต่ละหนึ่งเพียงแค่เกิดมาแล้วดับแล้วไม่กลับมาอีกเลย อนัตตาหรือเปล่า ใครบังคับบัญชาได้ ใครเปลี่ยนแปลงได้ สุญญตาหรือเปล่า ดับแล้วจะไม่พบที่ไหนเลยทั้งสิ้นในสังสารวัฏฏ์ จึงใช้คำว่าดับ ไม่กลับมาอีกเลย
~ มั่นคงว่าไม่มีเรา แล้วความเป็นเราก็จะค่อยๆ น้อยลง ความเห็นแก่ตัวเพราะเป็นเราก็ค่อยๆ ลดลง คุณความดีทั้งหลายก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ไม่มีการที่จะต้องทำเพื่อตัวเรา
~ ใครจะรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ ประโยชน์สูงสุดคือได้เข้าใจพระธรรมที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทิฏฐิวิบัติ ถ้าผิด คิดเองก็คือทิฏฐิวิบัติ
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ประโยชน์กับผู้ที่ได้ฟังแล้วไตร่ตรอง เห็นโทษของอกุศล จึงไม่เดือดร้อน พอเดือดร้อน ขณะนั้นไม่เห็นโทษของอกุศลเลย
~ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พึ่งทุกขณะได้ แม้ขณะนี้ ไม่รู้สิ่งที่ปรากฏ พระธรรมทรงแสดงไว้ชัดเจนว่าขณะนี้เป็นอะไร ค่อยๆ เข้าใจขึ้น นั่นคือปัญญา ซึ่งเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ไปพึ่งขอให้ร่ำรวยขอให้มีชื่อเสียงขอให้มีเกียรติยศ
~ ความจริงถึงที่สุด คือ ไม่มีเรา
~ ทุกอย่างที่เป็นกุศลในชีวิตประจำวัน ทำแล้วหรือยัง หรือว่ายังทำไม่ได้ ถ้าชาตินี้ทำไม่ได้ ชาติต่อไปจะเป็นอย่างไร คิดว่าชาติต่อไปจะทำได้หรือถ้าชาตินี้ทำไม่ได้ ในเมื่อชาตินี้ยังยาก ชาติหน้าย่อมยากยิ่งขึ้นไปอีก
~ ลองคิดดูว่า ถ้าไม่อภัยให้ใคร กาย วาจาที่มีต่อบุคคลนั้นจะเป็นอย่างไร จะไม่เป็นไปในทางที่เป็นมิตรเลย เพราะฉะนั้น กุศลก็ย่อมเจริญไม่ได้ แล้วก็จะถึงฝั่ง (แห่งการดับกิเลส) ได้อย่างไร
~ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ไม่มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดเปรียบในพระปัญญาคุณ ในพระบริสุทธิคุณ ในพระมหากรุณาคุณ เพราะฉะนั้น ฟังคำของพระองค์ ก็จะทำให้จากความที่ไม่เคยรู้อะไรมาเลยกี่ชาติ ต่อจากนี้ก็จะไม่ใช่เป็นคนไม่รู้ เพราะได้เริ่มสะสมความเข้าใจในพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
~ การที่จะเป็นคนดี ถ้าไม่เริ่มตั้งแต่ในชาตินี้ ชาติต่อไปจะเป็นอย่างไร เพราะว่า ถ้ามีอกุศลมากๆ บ่อยๆ ก็เหมือนอย่างที่เรามองเห็นตัวอย่างของคนไม่ดีซึ่งก่อนจะถึงวันนั้นเขาก็จะต้องมีความไม่ดีเล็กๆ น้อยๆ ไม่มากมาย แต่เขาก็ไม่เห็นโทษ
~ ผู้ที่เป็นเพื่อน ย่อมมีความหวังดีต่อกัน จะไม่มีการทำร้าย จะไม่มีการเบียดเบียนหรือแม้แต่คิดร้ายหรือโกรธ
~ คนที่มีเมตตา จะไม่มีโทษใดๆ ทั้งสิ้น และเป็นผู้ประเสริฐด้วยในขณะที่มีเมตตาต่อคนอื่น
~ อยู่ด้วยโลภะ อยู่ด้วยความเกลียดชัง อยู่ด้วยความริษยา อยู่ด้วยความเห็นแก่ตัวหรือเปล่า? นั่นไม่ใช่ผู้ประเสริฐเลย เพราะฉะนั้นผู้ประเสริฐจริงๆ แม้ในชีวิตประจำวัน ก็คือ เมตตา หมายความว่า ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน พร้อมจะเกื้อกูล ไม่ได้หมายความว่า ให้เราหลงผิด ทำผิดไปกับคนอื่น แต่การเกื้อกูล คือ เกื้อกูลให้ถูกต้อง ให้เขามีความเห็นถูก ให้มีความเข้าใจถูก ให้มีกายวาจาใจที่ถูก นี่คือความเป็นมิตรที่แท้จริง
~ ถ้ารู้ตัวเองว่า "กุศลใดๆ ที่ทำ ยังไม่พอ ยังน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับอกุศล" ก็จะเป็นกำลังใจที่จะทำให้มีศรัทธา ที่จะทำกุศลมั่นคงขึ้น
~ การที่กุศลจะเจริญขึ้นได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นคุณจริงของกุศลธรรมที่จะเป็นไปเพื่อการขัดเกลาอกุล จึงไม่ว่างเว้นจากโอกาสที่จะได้สะสมความดีในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของความดีประเภทใดก็ตาม
~ การศึกษาทั้งหมดก็จะละคลายความไม่รู้ และก็ละคลายอกุศลทั้งหลายซึ่งเกิดเพราะความไม่รู้ จนกระทั่งสามารถที่จะนอกจากละชั่ว แล้วก็บำเพ็ญความดี ก็ยังชำระจิตให้บริสุทธิ์จากการยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลด้วย
~ ประโยชน์สูงสุดของการฟัง แม้ในวันนี้ ก็คือ ได้ความเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ แม้ว่าจะเพียงเล็กน้อย ก็เป็นความเห็นที่ถูกต้องว่า เป็นธรรมเริ่มเข้าใจ ความเป็นธรรม
~ เรื่องของการอบรมเจริญกุศล เรื่องของการอบรมเจริญปัญญา ก็จะต้องประกอบพร้อมไปทุกอย่างเท่าที่สามารถจะเกิดได้ มิฉะนั้น ก็จะเป็นผู้หนาแน่นด้วยอกุศล และยากจริงๆ ที่จะละคลายอกุศลนั้นได้
~ ข้อสำคัญคืออย่าเห็นผิด อย่ายึดถือข้อปฏิบัติที่ผิด ต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ด้วยการพิจารณาว่า ธรรมใดเป็นธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้และทรงแสดง ไม่ใช่เลื่อมใสโดยง่าย หรือว่าเชื่อทุกคนที่พูดถึงเรื่องของการปฏิบัติธรรม แต่จะต้องพิจารณาในเหตุผล เพื่อที่จะได้ไม่เห็นผิดและไม่ปฏิบัติผิด
~ ผู้ที่เป็นบัณฑิตย่อมเห็นภัย เห็นโทษของความเห็นผิด เพราะเหตุว่าความเห็นผิดเป็นอันตรายอย่างใหญ่ ซึ่งไม่ทำให้บุคคลนั้นพ้นจากความเห็นผิดนั้นได้ ไม่สามารถที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ ตราบใดที่ยังมีความเห็นผิดอยู่
~ ปัญญา เห็นความถูกต้อง ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ปัญญานั้นเองก็จะรู้ว่าควรจะอบรมเจริญสิ่งใดให้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีปัญญาแล้วความดีทั้งหลายก็เจริญขึ้น ความไม่ดีทั้งหลายก็ลดน้อยลง
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงเรื่องกุศลธรรมไว้มาก และทรงแสดงชี้แจงเรื่องของอกุศลธรรมทั้งหมดไว้โดยละเอียด เพื่อที่จะให้เห็นโทษของอกุศล และเห็นคุณของการอบรมเจริญกุศล โดยประการที่จะทำให้ผู้ฟังได้พิจารณาบ่อยๆ เนืองๆ มากๆ โดยประการทั้งปวง เพื่อที่จะเป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดขึ้น
~ ผู้ที่จะสละอาคารบ้านเรือน ละเพศคฤหัสถ์สู่บรรพชิต แสดงให้เห็นว่า จะต้องเป็นผู้มีสัจจะ คือ เป็นผู้ที่มีความจริงใจต่อการขัดเกลากิเลสยิ่งกว่าเพศของคฤหัสถ์
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๙
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัย ด้วยเศียรเกล้า
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
ฟังพระธรรม จึงรู้ว่า หนทางแสนไกล กำลังก็ยังน้อย จึงเห็นคุณของกุศล อบรมปัญญาเพื่อความเข้าใจความจริง ไม่ขาดการฟังพระธรรม ไตร่ตรองคำที่ได้ฟัง ต่อไป ด้วยความเคารพและอดทน
กราบอนุโมทนาสาธุ ขอบพระคุณ ยินดีในความดี อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วมีความเข้าใจที่ถูกต้องจึงนับถือในพระคุณสูงสุดของพระองค์ที่ทำให้จากไม่รู้ (อวิชชา) มากมายมหาศาล ก็ค่อยๆ รู้ความจริงทีละหนึ่ง จึงรู้ว่าคำพูดของพระองค์ จริง ถูกต้อง เพราะทรงตรัสรู้
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ