ทำความดีจำเป็นต้องนำเสนอให้คนอื่นรู้หรือไม่
ผมมีเรื่องหนึ่งอยากให้ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะ เกี่ยวกับการทำบุญนั้น ผมเคยได้ยินพระท่านเทศน์เกี่ยวกับการทำบุญว่า คนที่ทำบุญแล้วเก็บไว้คนเดียวไม่ยอมบอกใครเพราะกลัวบุญหมดอันนี้เป็นความเข้าใจผิด เวลาทำบุญแล้วถ้าเราสามารถบอกคนที่เราคิดว่าเขาจะอนุโมทนาในความดีของเราให้ได้รับรู้ นอกจากเราผู้บอกจะได้บุญแล้ว แม้ผู้ที่อนุโมทนาในบุญของเรานั้นเขาก็ได้บุญไปด้วย แล้วท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่าการที่เราทำบุญนั้นเหมือนกับเราจุดเทียนขึ้นมาเล่มเดียว ความสว่างมันก็ยังน้อย แต่ถ้าเราจุดเทียนขึ้นมาเล่มนึงแล้วก็เอาเทียนเล่มนั้นไปต่อเทียนเล่มอื่นๆให้สว่างไปด้วยกัน ยิ่งจำนวนมากเท่าไหร่พลังของความสว่างมันก็ยิ่งมาก แสดงว่า การทำบุญแล้วให้คนอื่นมาร่วมอนุโมทนาด้วยก็น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทำให้มีบุญมากขึ้น ผมก็เลยมีความเข้าใจในลักษณะอย่างนี้ ยิ่งคนรู้เยอะเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะว่าเหมือนมีเทียนหลายเล่ม ดังนั้น เวลาผมทำบุญผมจึงมักใช้วิธีถ่ายรูปเก็บไว้ หรือให้คนอื่นถ่ายเป็นคลิปวิดีโอให้เพื่อที่จะได้นำไป post ลงใน line ให้ผู้คนมาร่วมอนุโมทนาสาธุ ก็คิดว่ายิ่งมีคนมาสาธุเยอะเท่าไหร่ก็เท่ากับว่าเรายิ่งได้บุญเยอะ ได้ทั้งคนบอกและคนที่อนุโมทนา อย่างล่าสุดเดี๋ยววันที่ 4 เมษาที่จะถึงนี้ หมู่บ้านผมก็จะมีทำบุญใส่บาตร คือ ในหมู่บ้านผมจะมีปีละครั้ง ก็ตั้งท่าว่าจะเตรียมกล้องไปถ่ายรูปเอาไว้ post ให้คนมาอนุโมทนา แต่ว่าพอทำไปทำมา คิดไปคิดมามันก็รู้สึกแปลก ๆ รู้สึกละอายใจ รู้สึกตลกตัวเองที่มาทำอะไรแบบนี้ แล้วก็รู้สึกสงสัยว่าเอ๊ะนี่หรือการทำบุญในพระพุทธศาสนาเป็นแบบนี้หรือ พระพุทธเจ้าสอนให้ทำดีแล้ว present ตัวเองให้คนอื่นรู้ด้วยหรือ แบบนี้มันใช่แน่หรือ คือ ผมก็ไม่ได้มีเจตนาปรามาสว่าพระท่านสอนผิดนะครับ บางทีผมอาจจะตีความแล้วเข้าใจผิดไปเองก็ได้ ก็เลยลังเลสงสัยว่าเวลาทำบุญเราควรบอกหรือไม่ควรบอกให้คนอื่นรู้ดี เราควรนำเสนอให้คนอื่นมาอนุโมทนาในความดีของเราไหม พระพุทธองค์เคยสอนให้คนทำดีแล้วบอกให้ผู้อื่นมาอนุโมทนาในความดีของตนหรือไม่ หรือว่าเป็นความเข้าใจผิดมาตลอด แล้วคนเราจะปิดทองหลังพระไปทำไม ขอท่านอาจารย์โปรดชี้แนะความเข้าใจที่ถูกต้องในประเด็นนี้ด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อกล่าวถึง ความดี แล้ว เป็นสิ่งที่ควร ทั้งหมด เพราะเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้น แม้การบอกกล่าวซึ่งความดี ว่าได้ทำความดีอะไรบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาว่าเพื่ออะไร ซึ่งต้องไม่ลืมว่า ความดี เป็นเรื่องของการขัดเกลา ไม่ใช่เพื่อได้ ไม่ใช่เพื่อลาภสักการะสรรเสริญ ไม่ใช่เพื่อเพิ่มความสำคัญตนว่าเราดี เป็นต้น แต่เพื่อมุ่งให้ผู้อื่นได้เกิดกุศลจิตอนุโมทนาชื่นชมยินดีในกุศลที่เราได้กระทำด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นความดีประการหนึ่ง บุคคลผู้ที่รับรู้แล้วเกิดกุศลจิตอนุโมทนาชื่นชมยินดีด้วย ย่อมเป็นกุศลจิตของบุคคลนั้นเอง เป็นการได้เกื้อกูลให้ผู้อื่นได้เกิดกุศลจิต มุ่งเพื่อให้ผู้อื่นได้เกิดกุศล ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ดังข้อความใน[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้าที่ ๒๒๑ ดังนี้
(อุบาสกผู้เป็นพระโสดาบัน กล่าวว่า) เอาล่ะเราให้ส่วนบุญ แก่คนนี้ ด้วยทานที่ตนให้
ด้วยศีลที่ตนรักษา ด้วยภาวนาที่ตนอบรม. ช่างกัลบกตอบว่า ข้าพเจ้าขออนุโมทนา.
ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ
เอาบุญมาฝาก
การบอกบุญ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...