เหตุดี ผลดี
* ทุกอย่างที่เกิด ต้องมีเหตุให้เกิดทั้งสิ้น แต่ถ้าไม่รู้เหตุ และผลที่เกิดจากเหตุนั้นตามความจริง แล้วจะให้เชื่อในเหตุในผลนั้นจริงๆ ได้อย่างไรเล่า
* การที่จะมั่นคงในเหตุในผลตามธรรมจริงๆ นั้น ต้องมีความเข้าใจสภาพธรรมถูกต้องตรงตามความเป็นจริง
* เช่น ถ้าจะให้เชื่อในเรื่องกรรมและผลของกรรม โดยเพียงบอกว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎแห่งกรรม แต่เมื่อไม่รู้ว่ากรรมคืออะไร ผลของกรรมคืออะไร ตามความเป็นจริง บางคนก็ไม่เชื่อ บางคนก็เพียงเชื่อตาม แต่ไม่ใช่ด้วยความเข้าใจในเหตุผลจริงๆ
* กรรมคือ เจตนา ซึ่งเป็นสภาพที่ขวนขวาย จงใจกระทำ
- ถ้าเป็นเจตนาที่ดีเป็นกุศล ที่ช่วยให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์สุข ก็เป็นกุศลกรรม (กรรมดี)
- ถ้าเป็นเจตนาที่ไม่ดีเป็นอกุศล ที่เป็นไปในการเบียดเบียนผู้อื่น ก็เป็นอกุศลกรรม (กรรมชั่ว)
* ไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรม หรืออกุศลกรรม ก็มีสภาพความจงใจนั้นจริงๆ ดังนั้นกรรมจึงมีจริง และมีตอนที่กำลังจงใจกระทำนั่นเอง
* กุศลกรรมหรืออกุศลกรรมที่เกิดแล้วก็ดับไป แต่จะสะสมสืบต่อไปในจิตขณะต่อๆ ไป และเมื่อมีโอกาส กรรมนั้นก็จะให้ผล ตรงตามกรรมซึ่งเป็นเหตุ คือกุศลกรรม ย่อมให้ผลที่ดี และอกุศลกรรม ย่อมให้ผลที่ไม่ดี
* การให้ผลของกรรมก็คือ
- ขณะจิตแรกที่เกิดเป็นบุคคลนี้ (มีจิต เจตสิก รูป ที่เกิดจากกรรม) ขณะจิตที่หลับสนิท และขณะจิตที่เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ (ตาย) ไปเป็นบุคคลใหม่ในภพใหม่
- ขณะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส และกระทบสัมผัสสิ่งที่ปรากฏทางกาย ที่น่าพอใจบ้าง ไม่น่าพอใจบ้าง เป็นต้น
* ดังนั้นกรรมดี ย่อมให้ผลดี และกรรมดี จะเพิ่มพูนขึ้นได้ ก็เพราะมีความเข้าใจในเหตุในผล ที่ถูกต้องตรงตามสภาพธรรม ซึ่งเกิดจากการฟังพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม