สนทนาพิเศษ ภิกษุยุคนี้กับพระธรรมวินัย (ภาคบ่าย) ๔ เมษายน ๒๕๖๔

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  8 เม.ย. 2564
หมายเลข  34014
อ่าน  561

อ.สุจินต์  บริหารวนเขตต์  : เมื่อพูดถึงพระพุทธศาสนากับการที่จะดำรงรักษาพระพุทธศาสนา ก็ต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องมั่นคงจริงๆ ว่าพุทธศาสนาคืออะไร คือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น จะดำรงพระพุทธศาสนา ก็คือว่า ต้องศึกษาและมีความเข้าใจในพระพุทธศาสนา จึงสามารถที่จะดำรงพระพุทธศาสนาได้ ใครก็ตามที่คิดจะดำรงพระพุทธศาสนา แต่ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา จะดำรงพระพุทธศาสนาได้ไหม? เป็นไปไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้น ชาวพุธก็ควรจะพิจารณา สำหรับทุกคน ก็ปรารถนาที่จะดำรงคำสอนของพระพุทธศาสนา ซึ่งก็มีหนทางเดียว คือศึกษาให้เข้าใจถูกต้อง ไม่ใช่การที่พยายามด้วยประการอื่นๆ ที่จะดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ ด้วยเหตุนี้ ทั้งพระธรรมและพระวินัย เป็นศาสดาแทนพระองค์ ไม่ใช่ว่า เพราะสมาคมชาวพุทธ หรือเถรสมาคม หรือใคร จะเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่เลย คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น เป็นที่พึ่ง 

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถูกผิดอย่างไร ไม่ใช่คนอื่นตัดสิน ไม่ว่าใครทั้งสิ้น จะเป็นชาติเถระ บวชนาน หรือว่าจะเป็นผู้ที่สูงวัย แล้วก็มาบวช สมมติเถระ หรือว่าเด็กเล็กอย่างไรก็ตามแต่ แต่ว่า ต้องเป็น "ธรรมเถระ"  ถ้าไม่รู้จักธรรมะ จะเป็นธรรมเถระไม่ได้ เพราะฉะนั้น ธรรมเถระไม่ใช่คิดเอง ทั้งหมด ต้องมาจากการเข้าใจพระธรรมและพระวินัยจริงๆ จึงจะสามารถดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้

เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนา ไม่ใช่ให้ใครคนหนึ่งคนใดเป็นผู้ดำรง แต่ ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ไม่ว่าจากใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ เป็นผู้ที่จะดำรงรักษาพระพุทธศาสนา เพราะว่า เข้าใจถูกต้อง ในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งลึกซึ้ง 

เพราะฉะนั้น ไม่มีทางที่จะพึ่งใครได้เลย นอกจากพึ่งพระธรรม ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องในพระธรรม จึงสามารถที่จะดำรงพระพุทธศาสนาได้ ไม่ว่าในกรณีใดที่เป็นความประพฤติของภิกษุในยุคนี้ จะเป็นประการใด คนอื่นตัดสินไม่ได้เลย นอกจากพระธรรมวินัย เท่านั้น

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่า ให้ผู้นี้ตัดสิน ให้ผู้นั้นตัดสิน แต่พระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ กล่าวไว้ว่าอย่างไร ผิดจากนั้นไม่ได้เลย ไม่ว่าเขาเป็นใคร เพราะว่า นี่เป็นพุทธศาสนา เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพร้อมทั้งพระธรรมและพระวินัย

เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาเท่านั้น จึงสามารถที่จะดำรงรักษาพระศาสนาไว้ได้ ไม่ใช่ว่าให้ใครตัดสินพระธรรมวินัย แต่พระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติด้วยพระองค์เอง เป็นธรรมะที่จะตัดสิน ว่าใครเป็นภิกษุ ใครไม่ใช่ภิกษุ ในธรรมวินัย

อ.จักรกฤษณ์ เจนเจษฎา  : ปัญหาจริงๆ อย่างที่เราได้มีการสนทนากันก็คือ การที่ไม่เข้าใจพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะศึกษาให้มีความเข้าใจที่ชัดเจน แล้วก็มีที่มาที่ไป ที่อ้างอิง ได้ถูกต้อง แต่ส่วนใหญ่ เราก็จะฟังตามๆ กันมา 

ซึ่งก็มีท่านหนึ่ง ยกสภาพของสภวะปัจจุบันว่า ในปัจจุบันนี้ คนเรามักจะพูดแต่สิ่งที่ตัวเองคิด แต่ไม่ได้พูดในสิ่งที่เป็นความรู้ ความถูกต้องจริงๆ เป็นเหตุเป็นผลจริงๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราเจอกันมาก ทุกเรื่อง เป็นเรื่องที่เราพูดกันว่า เราคิดอย่างนี้ เราเข้าใจอย่างนี้ แต่ว่า ไม่ได้เอาความรู้หรือเอาเหตุผล หรือเอาสิ่งที่เป็นหลักเป็นฐานที่ถูกต้องขึ้นมากล่าว ดังนั้น จึงเกิดปัญหามากมาย

ในเรื่องของพระพุทธศาสนาเองก็เป็นปัญหา จึงจำเป็นที่ทางมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยท่านอาจารย์สุจินต์ท่านเป็นประธาน ต้องยกขึ้นมากล่าว เรียกว่า กล่าวแล้ว กล่าวอีก แล้วก็คงจะไม่จบ เพราะว่า ทุกครั้งที่กล่าว ก็คือ เอาหลักฐาน เอาข้อมูล จากพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์มาเปิดเผยให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจกัอันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

"...ถ้ากล่าวตามพระธรรมวินัยแล้ว การที่ภิกษุมาร่วมชุมนุมทางการเมือง เข้ามาเกี่ยวข้องอะไรต่างๆ เป็นอาบัติ ผิดศีล ซึ่งการผิดศีลก็เป็นโทษกับตนเอง แต่เมื่อท่านไม่ใส่ใจก็ไม่เป็นไร แต่การกระทำอย่างนี้ ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาแก่พุทธบริษัท เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา อันนี้เป็นโทษหนัก หนักกว่าเป็นอาบัติติดตัวไป.."


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 8 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ