พิจารณากายในกาย
สนทนากับญาติธรรม สติปัฏฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม ควรพิจารณากายก่อน เพราะเป็นของหยาบ หรือเมื่อมีความคล่องแคล่วแล้ว ก็สามารถพิจารณาเวทนาจิต ธรรม ได้ ไม่ทราบเป็นการเจริญสติที่ถูกต้องหรือไม่ อีกอย่าง การพิจารณากายในกาย มีทั้งกายที่เป็นอสุภะ และกายที่อ่อนแข็ง ทำให้สับสนว่าควรเจริญอย่างไร
การเจริญสติปัฏฐาน คือ การค่อยๆ ศึกษาสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เมื่อสิ่งใดปรากฏ สติย่อมระลึกสิ่งนั้น ไม่สามารถเลือกรู้อะไรก่อนหรือหลังได้ คำว่ากาย ในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน หมายถึง รูปธรรมที่เคยยึดถือว่าเป็นกาย
พิจารณากายในกาย ขณะนั้นประกอบด้วยสัมปชัญญะระลึกลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สติก็สามารถระลึกได้เป็นปกติ นี่คือความหมายของพิจารณากายในกาย
สนทนากับญาติธรรม สติปัฏฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต ธรรม ควรพิจารณากายก่อนเพราะเป็นของหยาบ หรือเมื่อมีความคล่องแคล่วแล้ว ก็สามารถพิจารณา เวทนา จิต ธรรม ได้ ไม่ทราบเป็นการเจริญสติที่ถูกต้องหรือไม่ อีกอย่าง การพิจารณากายในกายมีทั้งกายที่เป็นอสุภะ และกายที่อ่อนแข็ง ทำให้สับสนว่าควรเจริญอย่างไร? ขณะต่อไป ลองเลือกดูครับ จะเลือกเห็นอะไรก่อน เลือกได้ไหม ขณะต่อไป จะได้ยินเสียงอะไร เลือกได้ไหม ทุกอย่างเป็นธัมมะ ไม่ใช่เรา ไม่มีใครบังคับสภาพธัมมะให้เป็นดังใจเราได้ เพราะเป็นธัมมะไม่ใช่เรา สติก็เป็นธัมมะ ไม่ใช่เรา สติจะเกิดรู้สภาพธัมมะอะไรก็แล้วแต่ สติมิใช่แล้วแต่เรา ถ้าเลือกได้ ก็เลือกให้เป็นกุศลได้ตลอด คงไม่เลือกให้โกรธ แต่ธัมมะเป็นอนัตตา คืออาศัยเหตุปัจจัย เมื่อพร้อมเมื่อไหร่ สติก็เกิดระลึกสภาพธัมมะอะไรก็แล้วแต่สติครับ ดังนั้น ต้องมั่นคงแม้ คำว่าอนัตตา ในขั้นการฟังว่าบังคับบัญชาไม่ได้ครับ ดังนั้น จึงไม่มีตัวตนที่จะเจริญสติ แต่เป็นสติที่เจริญเพราะอาศัยการอบรมขั้นการฟังให้เข้าใจ ขณะใดที่เลือกอารมณ์ ขณะนั้นลืมความเป็นอนัตตา
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย